ส่วนลด 10% ทุก Products ของ SketchUp
โปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ – 26 ธันวาคม 2568
ส่วนลด 10% ทุก Products ของ SketchUp
โปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ – 26 ธันวาคม 2568
โปรโมชั่น Chaos Promotion ลด 10% ตั้งแต่วันนี้ – 26 ธันวาคม 2568
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้ที่
Line Official: @mtechthailand
โปรโมชั่นช่วงสิ้นปี AutoCAD ลดสูงสุด 20%
Product ที่ร่วมรายการ
เงื่อนไขโปรโมชั่น
ติดต่อสั่งซื้อได้ที่
Line Official: @mtechthailand
ยกเลิกการเข้าถึงและทำงานกับ Revit Cloud Models สำหรับเวอร์ชั่น Revit เก่า
ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป Autodesk จะใช้นโยบายใหม่เกี่ยวกับการเข้าถึง และทำงานกับ Revit Cloud Models โดยจะเริ่มมีผล 30 วันหลังจากการเปิดตัว Revit 2027
หลังจากนั้น ฟีเจอร์ Revit Cloud Models จะไม่สามารถใช้งานได้บน Revit เวอร์ชั่นที่เก่ากว่า เวอร์ชั่นปัจจุบันย้อนหลัง 5 เวอร์ชัน
เวอร์ชั่นที่ถูกยกเลิกจะไม่รองรับการทำงานร่วมกันบนคลาวด์ หรือการเข้าถึง Cloud Models อีกต่อไป แต่การใช้งาน Revit บนเครื่อง (local) จะไม่ถูกกระทบ
ทำไม Autodesk ถึงเปลี่ยนมาใช้นโยบายนี้??
นโยบายนี้ถูกปรับให้สอดคล้องกับ **Previous Version Policy** ของ Autodesk พร้อมทั้งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของ Revit Cloud Models ให้ทันสมัยขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสิทธิภาพและความเสถียรมากกว่าเดิม
แล้วผู้ใช้งานควรทำอย่างไร?
เพื่อให้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Cloud Collaboration และเข้าถึง Revit Cloud Models ได้ ลูกค้าสามารถเลือกได้ 2 วิธี ดังนี้
1. อัพเกรด Revit เป็นเวอร์ชันที่ยังรองรับ Revit Cloud Models
ต้องอัพเกรดเป็น Revit เวอร์ชั่นที่สามารถใช้ Revit Cloud Models ได้ ณ วันที่ Revit 2027 เปิดตัว เวอร์ชั่นที่ยังรองรับคือ Revit 2022 ขึ้นไป
2. หากไม่ต้องการอัพเกรด
ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลด Cloud Models มาเก็บบนเครื่อง แล้วทำงานต่อได้บนเวอร์ชั่นเดิมในโหมด Local (ไม่มีการทำงานร่วมกันบนคลาวด์)
ผลที่จะเกิดขึ้นต่อเวอร์ชัน Revit ในอนาคต
– ทุกครั้งที่มีการออก Revit เวอร์ชั่นใหม่ เวอร์ชั่นที่เก่าที่สุดภายในช่วง “5 เวอร์ชั่นย้อนหลัง” จะถูกตัดการเข้าถึง Revit Cloud Models
ตัวอย่างเช่น: เมื่อ Revit 2028 เปิดตัว
Revit 2022 จะไม่สามารถเข้าถึง Revit Cloud Models ได้อีกต่อไป

เนื่องจากปัญหานี้เกิดขึ้นกับโปรแกรมหลายเวอร์ชันพร้อมกัน วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดมักจะเกี่ยวข้องกับการแก้ไขที่ระดับระบบปฏิบัติการ:
ในกรณีที่การอัปเดตล่าสุดของ Windows 11 เป็นสาเหตุของความไม่เข้ากันนี้โดยตรง การย้อนกลับ (Restore) ไปยังสถานะก่อนการอัปเดตคือทางออกที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด (ตามที่ท่านผู้ใช้งานได้ทดลองและยืนยันแล้ว)
[Note]: หากเกิน 10 วันหลังการอัปเดต หรือไม่มีตัวเลือกการถอนการติดตั้ง อาจต้องใช้วิธี System Restore Point หรือการใช้ Recovery Image แทน
ลูกค้า MTECH สามารถติดต่อฝ่ายขาย เพื่อ Remote แก้ไขปัญหาโดยทีมงาน Support

ปัญหาที่พบ: เมื่อพยายามติดตั้งโปรแกรม Revit เวอร์ชัน 2023 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า การติดตั้งหยุดชะงักและล้มเหลว โดยแสดงข้อความแจ้งเตือนดังนี้:
“Could not access network location Revit [Release Version].”
สาเหตุ: ปัญหานี้มักเกิดจากการที่มี ไฟล์ตกค้าง (Remnant files) จากการติดตั้งครั้งก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ในระบบ Windows ทำให้ตัวติดตั้งเกิดความสับสน
ขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนทีละวิธี และลองติดตั้งโปรแกรมใหม่ดูว่าผ่านหรือไม่ ก่อนที่จะข้ามไปทำวิธีถัดไป
นี่เป็นวิธีพื้นฐานที่สุด คือการลบไฟล์ขยะที่เกี่ยวข้องกับ Revit ออกให้หมด
หากคุณกำลังเจอปัญหานี้กับ Revit 2023 ให้ใช้วิธีนี้ (ห้ามใช้กับเวอร์ชันอื่น)
ขั้นตอน:
หากทำตาม 2 วิธีแรกแล้วยังไม่ได้ผล ให้ใช้วิธีนี้
⚠️ คำเตือน: การแก้ไข Windows Registry มีความเสี่ยง หากทำผิดพลาดอาจทำให้ระบบ Windows เสียหายได้ กรุณาสำรองข้อมูล Registry (Backup) ก่อนเริ่มดำเนินการเสมอ
ขั้นตอน:
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Autodesk\UPIสรุปสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนแก้ไข:


ปัญหา “An unrecoverable error has occurred. The program will now be terminated” เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อยมากใน Revit 2025 โดยเฉพาะตอนเปิดโปรแกรมใหม่ ๆ หรือหลังติดตั้งใหม่ มันทำให้ Revit ปิดตัวลงทันทีและอาจส่งรายงานข้อผิดพลาดไปยัง Autodesk ปัญหานี้มักเกิดจาก:
จากประสบการณ์ของคุณที่บอกว่า อัปเดต Revit 2025 เป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้วหาย นี่คือวิธีแก้ที่ยืนยันแล้วว่าทำงานในปี 2025 (ตามข้อมูลล่าสุดจาก Autodesk และชุมชนผู้ใช้) ส่วนในอดีต (เช่นปี 2024) ที่อัปเดตแล้วไม่หาย มักเพราะปัญหา .NET หรือ add-on ยังไม่ได้รับการแก้ไขในแพตช์แรก ๆ แต่ตอนนี้แพตช์ล่าสุด (เช่น 2025.1 หรือสูงกว่า) แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ดีขึ้น
Autodesk แนะนำให้อัปเดตก่อนเสมอ เพราะแพตช์ใหม่ ๆ แก้ไขปัญหา startup crash โดยตรง โดยเฉพาะใน Revit 2025.4 ที่เพิ่งออกมา มีการปรับปรุง CER Service (Customer Error Reporting) ที่อาจทำให้ crash ถ้าไฟล์ขาดหาย
ขั้นตอนอัปเดต (ใช้เวลา 10-30 นาที):
หลังอัปเดต ถ้าปัญหายังอยู่ ลองวิธีอื่นด้านล่าง
จากบทความเก่าของ MTECH Thailand (เมษายน 2024) ที่คุณอ้างอิง ปัญหาในตอนนั้นเกิดจาก .NET 8.0.0 ไม่สมบูรณ์หรือ add-on Environment for Revit ตอนนี้ (ปี 2025) Autodesk มีแพตช์แก้แล้ว แต่ถ้าคุณมี add-on เหล่านี้ ลองทำตามนี้:
Revit 2025 ต้องการ .NET Desktop Runtime 8.0.0 และ ASP.NET Core Runtime 8.0.0 ให้ติดตั้งใหม่จากโฟลเดอร์ Revit เอง
ขั้นตอน:
หรือดาวน์โหลด .NET 8.0 ล่าสุดจาก Microsoft .NET Download
Add-on เก่าอาจทำให้ crash บน startup โดยเฉพาะ Environment for Revit จาก Arch-intelligence ที่ยังไม่รองรับ 2025 ในแพตช์แรก
ขั้นตอน:
จากชุมชน Reddit และ Autodesk
ขั้นตอน:
ถ้าทำตามแล้วยังมีปัญหา ลองส่ง Journal file (ใน %localappdata%\Autodesk\Revit\Journals\) ไปถามใน Autodesk Forum หรือ MTECH Support (marketing@mtechthailand.com) นะครับ ปัญหานี้ส่วนใหญ่แก้ได้ไม่ยาก ถ้าเครื่องสเปคพอ (เช็คที่ Autodesk System Requirements)
ถ้ามีรายละเอียดเพิ่ม (เช่น Journal error หรือ add-on ที่ใช้) บอกมาได้ จะช่วยเจาะลึกกว่านี้! 😊

ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดเมื่อติดตั้ง V-Ray for 3ds Max ใหม่ ๆ แล้วกด Render ออกมาแล้วได้ภาพดำสนิททั้งแผ่น (แม้จะมีวัตถุและกล้องปกติ) 90% เกิดจาก V-Ray Global Switches ปิดไฟทั้งซีนโดยไม่รู้ตัว ค่าตั้งต้นของ V-Ray เวอร์ชันใหม่ ๆ (โดยเฉพาะ V-Ray 5 ขึ้นไป) จะปิด Lighting ทั้งหมดไว้ก่อน เพื่อป้องกันการ render โดยไม่ตั้งใจในกรณีที่ยังไม่มีไฟ

3.เข้าไปที่ rollout V-Ray: Global switches ปรับจาก Standard > Advanced

4.Default lights: เปลี่ยนจาก Off with GI เป็น On with GI

จบปัญหาจอดำใน V-Ray เวอร์ชันใหม่เรียบร้อย!
Promotion Black Friday SketchUp ลด 25% เฉพาะ New License
Product ที่ร่วมรายการ
1. SketchUp Pro ลดเหลือ 10,800 บาท จากราคาปกติ 14,399 บาท
2. SketchUp Studio ลดเหลือ 21,500 บาท จากราคาปกติ 28,699 บาท
โปรโมชั่นวันที่ 25 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม 2025
โปร AutoCAD Double Deal ซื้อคู่คุ้มกว่า จนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568
เงื่อนไขโปรโมชั่น
ติดต่อได้ที่
Line Official: @mtechthailand
FB: MTECH Thailand