Autodesk Takeoff Handguide from MTECH Thailand

มือใหม่ใช้งาน Autodesk Takeoff !!

Autodesk Takeoff เป็นโปรแกรมช่วยประเมินราคา โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทั้งแบบ 2 มิติและ 3 มิติได้อย่างแม่นยำในชุดเครื่องมือเดียว ผู้ดูแลระบบ และผู้ประเมินราคาสามารถแชร์มุมมองแบบเรียลไทม์ของงานประเมินราคาทั่วทั้งโครงการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน และลดความซ้ำซ้อนได้

Takeoff เป็นส่วนหนึ่งของ Autodesk Construction Cloud ที่เชื่อมต่อเวิร์กโฟลว์ ทีม และข้อมูลในทุกขั้นตอนของการก่อสร้าง

MTECH ได้จัดทำ Handguide สำหรับการตั้งค่าการประเมินราคาเพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับผู้ที่สนใจใช้งาน Autodesk Takeoff หรือสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน และยังไม่เข้าใจวิธีการทำงาน สามารถศึกษาตัวอย่างการใช้งานเบื้องต้นได้จาก Handguide ของ MTECH ค่ะ

screenshot-1757913771980 (1)

หมดปัญหาโมเดลขนาดผิด! เปิดวาร์ป ‘Live Component’ ตัวช่วยสุดเจ๋งที่ทุกคนต้องมีติด SketchUp

SketchUp Live Components คือ ส่วนประกอบ (Component) แบบกำหนดค่าได้ (Configurable) ที่มีความสามารถขั้นสูงกว่า Dynamic Components โดยสามารถค้นหา กำหนดค่า ดูตัวอย่างในรูปแบบ 3 มิติ และดาวน์โหลดได้จาก 3D Warehouse เพื่อนำไปใช้ในโมเดล SketchUp ได้ทันที Live Components มีจุดเด่นคือการ รองรับการตั้งค่าพารามิเตอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น และยืดหยุ่นกว่า Dynamic Component ทำให้การปรับแต่งชิ้นส่วนต่างๆ ในโมเดลทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 


ขั้นตอนการใช้ Live Component จาก 3D Warehouse

  1. เปิด 3D Warehouse: ใน SketchUp คลิกไอคอน 3D Warehouse
  2. ค้นหา: พิมพ์ชื่อโมเดลที่ต้องการ เช่น “Chair”
  3. กรองผลลัพธ์: มองหาโมเดลที่มีไอคอนสายฟ้าสีม่วง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Live Component

4.ปรับแต่ง: คลิกที่โมเดลใน SketchUp เพื่อเปิดหน้าต่างสำหรับปรับขนาดและเปลี่ยนสีได้ตามต้องการ

5.ดาวน์โหลด: คลิกที่โมเดลแล้วกดปุ่ม “Download”


Checklist….คุณเหมาะกับ SketchUp packageไหน? – MTECH Thailand

SketchUp Authorized Reseller – M Technologies (Thailand)

0EM3g000003ix6T

เปิด Revit แล้วมีแถบดำกะพริบๆ ปัญหาจาก SQLDUMPER.EXE

เจอเคสแปลกๆนานๆเจอที เวลากดเปิดโปรแกรม Revit หรือ Advance Steel แล้วจู่ๆ ก็มีหน้าต่างสีดำกะพริบถี่ๆ ขึ้นมาบนหน้าจอจนแทบจะอ่านไม่ทัน ต้องเพ่งดูทีละตัวถึงจะเห็นว่าชื่อมันคือ SQLDUMPER.EXE

ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 11 และมี SSD/NVMe drive ที่มีขนาดเซกเตอร์ใหญ่กว่า 4KB ซึ่ง Autodesk Support ระบุว่าเป็นสาเหตุหลัก เพราะ SQL Server ที่เป็นฐานข้อมูลของโปรแกรมไม่สามารถทำงานบนไดรฟ์ที่มีขนาดเซกเตอร์แบบนี้ได้


สาเหตุหลักและวิธีแก้ไขที่ซับซ้อน

บทความจาก Autodesk อธิบายสาเหตุและแนวทางแก้ไขไว้อย่างละเอียด ซึ่งต้องยอมรับว่าค่อนข้างซับซ้อนและใช้เวลาพอสมควร เช่น

  • แก้ไข Registry: ต้องเข้าไปแก้ไขค่าใน Windows Registry ด้วยตัวเอง เพื่อบังคับให้ระบบจำลองขนาดเซกเตอร์เป็น 4KB เหมือนกับใน Windows 10
  • ตรวจสอบและแก้ไขสิทธิ์การใช้งานโฟลเดอร์: ต้องเข้าไปเช็กสิทธิ์การใช้งานของโฟลเดอร์โปรแกรมใน C:\ProgramData\Autodesk เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้มีสิทธิ์ Full control
  • ตรวจสอบและแก้ไขการติดตั้ง SQL Server LocalDB: ต้องใช้เครื่องมือและขั้นตอนที่ซับซ้อนเพื่อตรวจสอบว่าไฟล์ฐานข้อมูล SQL Server เสียหายหรือไม่

วิธีเหล่านี้ต้องใช้ความเข้าใจทางเทคนิคพอสมควร และบางครั้งทำตามหลายขั้นตอนแล้วก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
อ้างอิงบทความ >> SQLDUMPER.EXE window opening and closing when launching or working in Revit or Advance Steel


วิธีแก้ไขที่ง่ายและได้ผลทันที

แต่จากการลองผิดลองถูก มีวิธีหนึ่งที่ง่ายและได้ผลทันทีโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับขั้นตอนที่ซับซ้อน นั่นก็คือ:

“ลบ SQL Server ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องทิ้งไปซะ!”

พอถอนการติดตั้ง SQL Server ออกจากระบบ ปัญหาหน้าต่างกะพริบก็หายไปทันที ทำให้สามารถใช้งาน Revit ได้อย่างปกติ . วิธีนี้อาจดูรุนแรงไปบ้าง แต่ในเมื่อวิธีที่ซับซับซ้อนใช้ไม่ได้ผล การแก้ปัญหาแบบตรงไปตรงมาก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

วิธีลบและซ่อมแซม SQL Server

การลบหรือซ่อมแซม SQL Server สามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้:

  1. กดปุ่ม Start แล้วพิมพ์ appwiz.cpl เพื่อเปิดหน้าต่าง Programs and Features
  2. ในช่องค้นหา พิมพ์ sql
  3. คลิกขวาที่ SQL Server LocalDB แล้วเลือก:
    • Repair: หากต้องการซ่อมแซมไฟล์ที่เสียหาย โดยข้อมูลต่างๆ จะยังคงอยู่ครบ
    • Uninstall: หากต้องการลบโปรแกรมออกทั้งหมด

SQL Server คืออะไร? ลบแล้วจะมีปัญหาไหม?

SQL Server คือโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน “คลังข้อมูล” ของแอปพลิเคชันต่างๆ . สำหรับ Revit หรือ Advance Steel จะใช้ SQL Server LocalDB ซึ่งเป็นเวอร์ชันย่อส่วนเพื่อเก็บข้อมูลโปรเจกต์และข้อมูลเฉพาะของโปรแกรมไว้ในเครื่อง

หน้าที่หลัก:

  • จัดเก็บข้อมูล: เก็บข้อมูลในรูปแบบตารางอย่างเป็นระบบ
  • จัดการข้อมูล: ช่วยให้โปรแกรมสามารถเรียกดู, เพิ่ม, แก้ไข หรือลบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ลบแล้วมีปัญหาไหม?

การลบ SQL Server LocalDB อาจทำให้ฟังก์ชันบางอย่างของ Revit หรือ Advance Steel ที่ต้องใช้ฐานข้อมูลไม่สามารถทำงานได้ เช่น การจัดการข้อมูลโปรเจกต์บางส่วน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่โปรแกรมมีปัญหาแถบดำกะพริบ การลบ SQL Server มักเป็นวิธีที่ได้ผล เพราะปัญหานี้เกิดจากความไม่เข้ากันของ SQL Server กับฮาร์ดแวร์หรือระบบปฏิบัติการบางอย่าง เมื่อลบออก ปัญหาก็จะหายไป ทำให้โปรแกรมสามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติครับ

Autodesk Docs (ชื่อเดิม BIM 360 Docs) คืออะไร

Autodesk Docs (ชื่อเดิม BIM 360 Docs) คือแพลตฟอร์มการจัดการเอกสารบนคลาวด์ของ Autodesk ที่ออกแบบมาเพื่องานด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และการก่อสร้าง (AEC) โดยเฉพาะ

ถ้าจะนึกภาพให้เข้าใจง่าย ๆ Autodesk Docs ก็เหมือนกับ Google Drive, Dropbox, หรือ OneDrive ของแต่ละเจ้าก็จะมีความสามารถแต่ต่างกันไปเช่น ของ Autodesk มีความสามารถที่เพราะถูกสร้างมาสำหรับงานด้านการก่อสร้างโดยเฉพาะ

ทำอะไรได้บ้าง

Autodesk Docs ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลของโครงการ ที่ช่วยให้ทีมงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสามารถที่เหนือกว่าบริการคลาวด์ทั่วไปดังนี้:

  • จัดการไฟล์โครงการ: เป็นแหล่งเก็บข้อมูลที่รวมไฟล์งานล่าสุดทั้งหมดไว้ที่เดียว
  • รองรับไฟล์ BIM และ CAD: เปิดดูไฟล์ 2D และ 3D เช่น Revit และ AutoCAD ได้โดยตรง
  • ตรวจสอบและแก้ไขไฟล์: มีเครื่องมือสำหรับ Markups (ขีดเขียน) และ Issues (แจ้งปัญหา)
  • ควบคุมเวอร์ชัน: ติดตามและจัดการการเปลี่ยนแปลงของเอกสารได้อัตโนมัติ
  • กำหนดสิทธิ์การเข้าถึง: ตั้งค่าสิทธิ์ให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างปลอดภัย

สรุปคือ Autodesk Docs เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันในโครงการก่อสร้างราบรื่นขึ้นนั่นเอง

Features of Autodesk Docs – Mind Mapping

Features of Autodesk Docs

3D Issue Markups

Easily communicate identified issues and questions when reviewing 3D models and aggregates.

สื่อสารปัญหาและคำถามที่พบได้อย่างง่ายดายเมื่อตรวจสอบโมเดล 3 มิติและการรวมข้อมูล

AutoCAD Markup Import

Import and sync PDF markup files from Autodesk Docs directly in AutoCAD with Markup Import.

นำเข้าและซิงค์ไฟล์มาร์กอัพ PDF จาก Autodesk Docs โดยตรงใน AutoCAD ด้วย Markup Import

AutoCAD Markup Import

Design-to-Construction Connection

Connect teams on the Autodesk Construction Cloud platform, allowing easy transfer of information from design to construction.

เชื่อมต่อทีมงานบนแพลตฟอร์ม Autodesk Construction Cloud ทำให้ง่ายต่อการถ่ายโอนข้อมูลจากการออกแบบไปสู่การก่อสร้าง

Design-to-Construction Connection

Document Control

Get the right information into the right hands with structured folders and robust permission tools.

ส่งข้อมูลที่ถูกต้องไปยังผู้ที่เหมาะสมด้วยโฟลเดอร์ที่มีโครงสร้างและเครื่องมือการอนุญาตที่แข็งแกร่ง

Document Control

Document Approvals

Reduce manual effort and automate the review of drawings, models, and documents before publishing and sharing.

ลดความพยายามด้วยตนเองและทำให้การตรวจสอบภาพวาด โมเดล และเอกสารเป็นไปโดยอัตโนมัติก่อนที่จะเผยแพร่และแบ่งปัน

Document Approvals

Full Set of Markup Tools

Communicate and collaborate with project teams using a full set of markup tools.

สื่อสารและทำงานร่วมกับทีมโปรเจ็กต์โดยใช้ชุดเครื่องมือมาร์กอัพที่สมบูรณ์

Full Set of Markup Tools

Centralized Issue Tracking

Track and resolve issues and increase accountability from a single, centralized list.

ติดตามและแก้ไขปัญหาและเพิ่มความรับผิดชอบจากรายการเดียวที่เป็นศูนย์กลาง

Centralized Issue Tracking

Transmittal Creation and Tracking

Easily create and share transmittals with project teams, and track transmittals with a full audit trail.

สร้างและแบ่งปันเอกสารการส่งมอบกับทีมโปรเจ็กต์ได้อย่างง่ายดาย และติดตามเอกสารการส่งมอบด้วยบันทึกการตรวจสอบที่สมบูรณ์

Transmittal Creation and Tracking

Desktop Connector

Open, save, move, rename, and delete files directly from your desktop with Desktop Connector.

เปิด, บันทึก, ย้าย, เปลี่ยนชื่อ, และลบไฟล์โดยตรงจากเดสก์ท็อปของคุณด้วย Desktop Connector

Desktop Connector

Integration with AutoCAD, Revit, and Civil 3D

Streamline workflows and reduce duplication with integrated Autodesk tools such as AutoCAD, Revit, and Civil 3D.

ปรับปรุงขั้นตอนการทำงานและลดการทำงานซ้ำซ้อนด้วยเครื่องมือ Autodesk ที่รวมเข้าด้วยกัน เช่น AutoCAD, Revit, และ Civil 3D

Integration with AutoCAD, Revit, and Civil 3D

2D and 3D Support

Seamlessly upload and view 2D drawings and 3D models so teams have the right information.

อัปโหลดและดูภาพวาด 2 มิติและโมเดล 3 มิติได้อย่างราบรื่นเพื่อให้ทีมมีข้อมูลที่ถูกต้อง

2D and 3D Support

Bridge

Share data across accounts, like from a general contractor to a subcontractor. Enhance cross-team collaboration, reduce rework, and improve control and ownership of project information.

แบ่งปันข้อมูลข้ามบัญชี เช่น จากผู้รับเหมาหลักไปยังผู้รับเหมาช่วง เสริมสร้างการทำงานร่วมกันข้ามทีม ลดการทำงานซ้ำ และปรับปรุงการควบคุมและกรรมสิทธิ์ของข้อมูลโครงการ

Bridge

Common Administration Experience

Manage users, permission control, templates, and other project setup tools from a centralized location.

จัดการผู้ใช้ การควบคุมสิทธิ์ เทมเพลต และเครื่องมือการตั้งค่าโปรเจ็กต์อื่นๆ จากส่วนกลาง

Mobile Access for the Field

Keep the office and field connected with access to the Autodesk Build PlanGrid mobile app.

เชื่อมต่อสำนักงานและภาคสนามด้วยการเข้าถึงแอปพลิเคชันมือถือ Autodesk Build PlanGrid

Integration with BuildingConnected

Maintain a centralized source of truth between BuildingConnected and Autodesk Docs with a two-way file sync.

รักษาแหล่งข้อมูลที่เป็นความจริงจากส่วนกลางระหว่าง BuildingConnected และ Autodesk Docs ด้วยการซิงค์ไฟล์แบบสองทาง

MTECHSKETCUPLAN

Checklist….คุณเหมาะกับ SketchUp packageไหน?

คุณเหมาะกับ SketchUp แผนไหน?

คุณเหมาะกับ SketchUp แผนไหน?

1. คุณใช้ SketchUp แค่บนเว็บ หรือต้องการแค่พื้นฐาน?

2. คุณต้องการใช้บน SketchUp Pro บน Desktop และ LayOut ไหม?

3. คุณทำงานกับไฟล์สแกน (Point Cloud) หรือไม่?

4. คุณต้องการทำงานร่วมกับไฟล์ Revit หรือโครงการใหญ่?

5. คุณต้องการ Render ภาพสมจริงด้วย V-Ray ไหม?

filters_quality(80)

Checklist ทำงานผ่านในโปรเจคบน Autodesk Construction cloud [ BIM360 ] ต้องใช้ Product ตัวไหน

เลือก Product สำหรับ Autodesk Construction Cloud

คุณเหมาะกับ Product ตัวไหนใน Autodesk Construction Cloud?

เลือกคำตอบที่ตรงกับความต้องการของคุณที่สุดในแต่ละหัวข้อ

หน้าที่หลักและบทบาทในโปรเจกต์

การทำงานร่วมกันบนคลาวด์

ความจำเป็นในการสร้าง/แก้ไขโมเดล

480734295_1129204165661217_7460585855837923623_n

AutoCAD vs AutoCAD LT | ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติ

AutoCAD vs AutoCAD LT

AutoCAD vs AutoCAD LT | เปรียบเทียบคุณสมบัติ

คุณสมบัติ (Features)AutoCADAutoCAD LTคำอธิบาย
2D Drafting & Documentation
2D manufacturing drawingsการสร้างและแก้ไขแบบเขียนแบบ 2D สำหรับการผลิต
Geometric dimensions & tolerances (GD+T) standardsมาตรฐานการระบุขนาดและความคลาดเคลื่อนทางเรขาคณิต
Print batches of drawingsการพิมพ์แบบเขียนแบบจำนวนมากในครั้งเดียว
Batch plot to PDF(s)การ Plot ไฟล์แบบชุดเป็น PDF
Xref compareการเปรียบเทียบไฟล์ External References
Smart annotation toolsเครื่องมือ Annotation อัจฉริยะ
3D Modeling & Visualization
Compatible for 3D printingรองรับการส่งออกไฟล์สำหรับ 3D printing
Detailed concept renderingsการเรนเดอร์ภาพแบบจำลองที่ละเอียด
3D graphics rotation/panningการหมุน/เลื่อนกราฟิก 3D
Assembly modelingการสร้างแบบจำลองชิ้นส่วนประกอบ
Parametric modelingการสร้างแบบจำลอง Parametric
Surface & Mesh modelingการสร้างแบบจำลอง Surface และ Mesh
Direct modelingการสร้างแบบจำลอง Direct
Collaboration & Data Management
Shared view collaborationการทำงานร่วมกันแบบ Shared view
Import, export drawings & blocksการนำเข้าและส่งออก Drawing และ Block
Import, export modelsการนำเข้าและส่งออกโมเดล
AnyCADเทคโนโลยีทำงานกับไฟล์ CAD จากหลายแหล่ง
BIM interoperabilityการทำงานร่วมกับ BIM
APIs & Automation
AutoLISP programming and automationการเขียนโปรแกรม AutoLISP และ Automation
ObjectARX and managed .NET librariesการใช้ ObjectARX และ .NET Libraries
Macrosการสร้าง Macro
Automate bills of materials creationการสร้าง Bills of Materials อัตโนมัติ
Specialized Toolsets
Mechanical toolsetชุดเครื่องมือสำหรับงานด้านเครื่องกล
Architecture toolsetชุดเครื่องมือสำหรับงานสถาปัตยกรรม
Electrical toolsetชุดเครื่องมือสำหรับงานไฟฟ้า
MEP, Plant 3D, Map 3D toolsetsชุดเครื่องมือเฉพาะทางอื่นๆ
Cloud & Mobility
Web app & Mobile appแอปพลิเคชันสำหรับเว็บและมือถือ
Annotate DWG in airplane modeการทำ Annotation ไฟล์ DWG ขณะไม่มีอินเทอร์เน็ต
เลือก AutoCAD หรือ AutoCAD LT?

คุณเหมาะกับ AutoCAD หรือ AutoCAD LT?

เลือกคำตอบที่ตรงกับความต้องการของคุณที่สุดในแต่ละหัวข้อ

ประเภทงานเขียนแบบหลัก

การทำงานระบบและเครื่องมือเฉพาะทาง

การเขียนโปรแกรมและการทำงานอัตโนมัติ

การทำงานร่วมกับไฟล์และข้อมูลขั้นสูง

งบประมาณและความคุ้มค่า

เลือกอันไหนดี ระหว่าง revit & revit LT

ไขข้อข้องใจ สำหรับสถาปนิกและผู้ออกแบบ ควรเลือกใช้อะไรระหว่าง Revit หรือ Revit LT

Revit และ Revit LT เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการออกแบบอาคารสำหรับกระบวนการ BIM แม้จะคล้ายกันในพื้นฐานการทำงาน แต่มีความแตกต่างด้านฟีเจอร์ ราคาซอฟต์แวร์ และการใช้งานร่วมกัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับงานและงบประมาณของคุณมากที่สุด

การเลือกใช้ Revit หรือ Revit LT ขึ้นอยู่กับลักษณะของ งบประมาณ และความต้องการด้านฟังก์ชัน เปรียบเทียบจุดเด่นได้ดังนี้

Revit (Full Version) เหมาะกับใคร?

– โครงการขนาดใหญ่

– งานที่ต้องการฟังก์ชัน Collaboration และ Work-sharing (รวมไปถึงการทำงานบน Autodesk Cloud / Cloud Collaboration)

– การทำงานร่วมกับส่วนงาน MEP, Structural, และ Dynamo

– งาน Rendering แบบ real time (มี Ray Trace และ Cloud Rendering)

– ผู้ที่ต้องใช้ API, Add-ins หรือเขียน Script

Revit LT เหมาะกับใคร

– ฟรีแลนซ์/ สถาปนิกหรือผู้ออกแบบที่ทำงานคนเดียว

– โครงการขนาดเล็กถึงกลาง

– เน้นงานสถาปัตยกรรมเป็นหลัก

– ต้องการประหยัดงบประมาณเป็นสำคัญ

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบางฟังก์ชันที่ Revit (Full version) สามารถทำได้ เมื่อเทียบกับ Revit LT

1. การทำงานร่วมกัน (Collaboration / Work-sharing)

– Revit (Full Version) มีฟังก์ชัน Work-sharing ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานบนโมเดลเดียวกันได้หลายคนพร้อมกัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการที่มีหลายทีม หรือทีมมีสมาชิกหลายคนจากหลายสาขาวิชาชีพ สถาปัตยกรรม, โครงสร้าง, งานระบบ

– Revit LT ไม่มีฟังก์ชัน Work-sharing เหมาะสำหรับผู้ใช้คนเดียวหรือทีมขนาดเล็กที่ทำงานในโครงการที่แยกส่วนกัน

2. การวิเคราะห์และจำลองผลกระทบต่างๆบนแบบจำลองอาคาร (Analysis and Simulation)

– Revit (Full Version) มีเครื่องมือวิเคราะห์และจำลองสถานการณ์ที่หลากหลาย เช่น การวิเคราะห์พลังงาน (Energy Optimization), การวิเคราะห์แสงสว่าง (Lighting Analysis) และการศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ (Solar Studies)

– Revit LT มีข้อจำกัดอย่างมากในเรื่องนี้ เช่น การวิเคราะห์แสงอาทิตย์ทำได้ทีละมุมมองเท่านั้น และไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงอื่นๆ

3. การจัดการมุมมองและกราฟิก (View Filters and Graphics)

– Revit (Full Version) มี View Filters ที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมการแสดงผลของวัตถุต่างๆ ในมุมมองได้อย่างละเอียด เช่น การซ่อน/แสดงวัตถุบางประเภท หรือการเปลี่ยนการแสดงผลกราฟิกตามเงื่อนไขที่กำหนด

– Revit LT ไม่มี View Filters ซึ่งทำให้การจัดการการแสดงผลในโครงการขนาดใหญ่ทำได้ยากขึ้น

ที่มา: https://www.autodesk.com/asean/products/revit/compare

เรียบเรียงโดย: MTECH Thailand

MTECHDRNYT

วีดีโอสาธิตกรใช้ Fusion 360 ในการออกแบบ Drone ด้วย Generative Design ด้วย Autodesk Fusion จาก KPR Institute of Engineering and Technology 

Autodesk Fusion 360 มีบทบาทสำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมโดรน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยความสามารถที่หลากหลายและครบวงจร ทำให้เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในหมู่นักพัฒนาโดรน ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ บทบาทหลักๆ มีดังนี้:

  1. การออกแบบโครงสร้างโดรน (Drone Structure Design – CAD):
    • การสร้างโมเดล 3 มิติที่ซับซ้อน: Fusion 360 ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้างโมเดล 3 มิติของโครงสร้างโดรนได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเฟรม, แขน, หรือส่วนประกอบอื่นๆ ด้วยเครื่องมือ Parametric, Freeform (T-spline), และ Surface Modeling
    • การออกแบบชิ้นส่วนภายใน: สามารถออกแบบช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่, แผงวงจรควบคุมการบิน (Flight Controller), มอเตอร์, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงพื้นที่และการจัดวาง
    • การประกอบชิ้นส่วน (Assembly): สามารถประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันในโมเดล 3 มิติ เพื่อดูภาพรวมของโดรนที่สมบูรณ์ และตรวจสอบความเข้ากันได้ของชิ้นส่วน
    • การออกแบบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB Design): เนื่องจากโดรนมีส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก Fusion 360 มีเครื่องมือสำหรับการออกแบบ PCB โดยตรง ทำให้สามารถทำงานร่วมกันระหว่างการออกแบบโครงสร้างเชิงกลและการออกแบบวงจรไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น
  2. การวิเคราะห์และจำลอง (Analysis and Simulation – CAE):
    • การวิเคราะห์ความแข็งแรง (Static Stress Analysis): สามารถจำลองและทดสอบว่าโครงสร้างโดรนจะรับแรงกระทำต่างๆ ได้ดีเพียงใด เช่น แรงที่เกิดจากการลงจอด หรือแรงสั่นสะเทือนจากมอเตอร์ เพื่อให้มั่นใจในความทนทานและความปลอดภัย
    • การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน (Modal Frequency Analysis): ช่วยในการระบุความถี่ธรรมชาติของโครงสร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการสั่นพ้องที่อาจทำให้โดรนทำงานผิดปกติ หรือเกิดความเสียหาย
    • Generative Design: เป็นบทบาทที่สำคัญมากในอุตสาหกรรมโดรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดน้ำหนักของชิ้นส่วน ซอฟต์แวร์สามารถสร้างรูปทรงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชิ้นส่วนโดรน (เช่น แขนโดรน, ตัวยึดต่างๆ) โดยมีน้ำหนักเบาที่สุด แต่ยังคงความแข็งแรงตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสิทธิภาพการบินและระยะเวลาการบินของโดรน
  3. การเตรียมการผลิต (Manufacturing – CAM):
    • การสร้าง G-code สำหรับ CNC Machining: สำหรับชิ้นส่วนโดรนที่ผลิตด้วยการกัด CNC (เช่น เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์) Fusion 360 สามารถสร้าง G-code เพื่อควบคุมเครื่องจักรได้อย่างแม่นยำ
    • การเตรียมไฟล์สำหรับการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing): ชิ้นส่วนโดรนหลายอย่าง เช่น ตัวยึดกล้อง, กล่องใส่แบตเตอรี่, หรือแม้แต่เฟรมบางส่วน มักจะถูกพิมพ์ด้วย 3D Printer Fusion 360 สามารถส่งออกไฟล์ในรูปแบบ STL ที่พร้อมสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ และยังสามารถตรวจสอบกระบวนการพิมพ์ได้ใน Workspace การผลิต
    • การตรวจสอบการผลิต (Part Inspection): ช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของชิ้นงานที่ผลิตออกมาได้
  4. การทำงานร่วมกันและการจัดการข้อมูล (Collaboration and Data Management):
    • การทำงานบนคลาวด์: ทีมงานที่พัฒนาโดรนสามารถทำงานร่วมกันบนแพลตฟอร์มคลาวด์ของ Fusion 360 ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ทำให้การแชร์ไฟล์, การแก้ไข, และการให้ข้อเสนอแนะเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียลไทม์
    • การควบคุมเวอร์ชัน: ช่วยให้สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของงานออกแบบ และกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าได้หากจำเป็น ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

หากสนใจศึกษาเพิ่มเติมยังมีบทความละเอียดๆจาก Autodesk ให้ศึกษาอีก 65 หน้า !! > Racing-Drone Design Fundamentals with Fusion 360 | Autodesk University

0EMKf000007vQzy

AutoCAD Plot Error “Error(S) Did not Plot” :The destination directory for the output file does not exist.

เมื่อคุณพยายาม Publish ไฟล์ด้วยการตั้งค่า Overrides ใน Sheet Set Manager ของ AutoCAD แล้วพบข้อผิดพลาด “ERROR: The destination directory for the output file does not exist.” (โฟลเดอร์ปลายทางสำหรับไฟล์เอาท์พุตไม่มีอยู่จริง) และไฟล์งานไม่ถูก Plot นี่คือสาเหตุและวิธีแก้ไข:

สาเหตุ

  • โฟลเดอร์เทมเพลตสำหรับสร้างชีทไม่ถูกต้อง: โฟลเดอร์ที่คุณกำหนดไว้สำหรับ Sheet creation template (เทมเพลตการสร้างชีท) ไม่มีอยู่จริง หรือไม่มีไฟล์เทมเพลต (DWT) อยู่ในโฟลเดอร์นั้น
  • ตำแหน่ง Publish ไม่ถูกต้อง: โฟลเดอร์ที่ระบุภายใต้ “Location” ในส่วน “Publish Option Information” ไม่ถูกต้อง

1. ตรวจสอบและแก้ไขโฟลเดอร์เทมเพลตสำหรับการสร้างชีท

  1. คลิกขวาที่ชื่อ Sheet Set ของคุณใน Sheet Set Manager
  2. เลือก Sheet Set Properties
  1. คลิกที่ช่องไดเรกทอรีที่กำหนดไว้สำหรับ Sheet creation template
  2. เรียกดู (Browse) ไปยังโฟลเดอร์ที่คุณต้องการ และดำเนินการดังนี้:
    • ตรวจสอบว่าโฟลเดอร์นั้นมีอยู่จริง: ถ้าไม่มี ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ถูกต้อง
    • ตรวจสอบว่ามีไฟล์ Creation template (DWT) อยู่ในโฟลเดอร์นั้น: ถ้าไม่มี ให้เพิ่มไฟล์ DWT เข้าไปในโฟลเดอร์นั้น

2. ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งภายใต้ Publish Option Information

  1. เปิดหน้าต่าง Publish (โดยปกติคือการคลิกปุ่ม Publish หลังจากเลือกชีทที่ต้องการ)
  2. ในส่วน “Publish Option Information” ให้ตรวจสอบว่าไดเรกทอรีที่แสดงภายใต้ “Location” นั้นถูกต้องและมีอยู่จริง