af51eebee369d6b92ea1572a390f169c1da7078b

วิธีแก้ไขปัญหา V-Ray ใน SketchUp studio Error: “Failed to checkout a V-Ray for SketchUp license” หรือ “No licenses available”

Error: “Failed to checkout a V-Ray for SketchUp license” หรือ “No licenses available


สาเหตุที่เป็นไปได้:

  1. ยังไม่ได้เชื่อมบัญชี Trimble กับบัญชี Chaos
  2. ยังไม่ได้ Sign in หรือ Sign in ด้วยบัญชีผิด ที่ http://localhost:30304
  3. Chaos License Server ยังไม่เป็นเวอร์ชันล่าสุด
  4. เคยติดตั้ง V-Ray แบบอื่นมาก่อนหน้านี้ อาจมีไฟล์หรือการตั้งค่าค้างอยู่



วิธีแก้ไข (Clean Uninstall และติดตั้งใหม่)

  1. ปิด SketchUp และ V-Ray ให้หมดก่อน
  2. ถอนการติดตั้ง V-Ray และ Chaos License Server ผ่าน
    Control Panel > Programs and Features (appwiz.cpl)
  3. ลบโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะเวอร์ชันก่อน V-Ray 7):
    • C:\Program Files\Chaos Group\V-Ray\V-Ray for SketchUp\uninstall\Uninstall.lnk
    • C:\Program Files\Chaos Group\V-Ray\V-Ray for SketchUp
    • %AppData%\Chaos Group\V-Ray for SketchUp
  4. รีสตาร์ทเครื่อง

ขั้นตอนการติดตั้งใหม่

  1. ติดตั้ง V-Ray for SketchUp เวอร์ชันล่าสุด
  2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Sign in ที่ http://localhost:30304
    • ให้เลือก Login ด้วยบัญชี Trimble ที่เชื่อมกับ Chaos
  3. อัปเดต Chaos License Server ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

Adobe delete drump

📢 ลูกค้า Adobe ลองเช็คสิ่งนี้! อาจได้พื้นที่ Drive C: คืนเป็น ร้อยๆ GB 😱


ลูกค้า Adobe ลองเช็คสิ่งนี้! อาจได้พื้นที่ Drive C: คืนเป็น ร้อยๆ GB 😱

ถ้าคุณใช้โปรแกรมจาก Adobe อยู่เป็นประจำ เช่น Photoshop, Illustrator หรือ Premiere Pro… มีโอกาสสูงที่โปรแกรมเหล่านี้อาจทิ้ง “ขยะดิจิทัล” ไว้ในเครื่องคุณโดยไม่รู้ตัว!

📁 CRLogs > dumps
เส้นทาง:
C:\Users\<ชื่อผู้ใช้>\AppData\LocalLow\Adobe\CRLogs\dumps


❗โฟลเดอร์นี้คืออะไร?

Adobe จะสร้างไฟล์ที่เรียกว่า Crash Dump Logs ขึ้นมาเมื่อโปรแกรมเกิดข้อผิดพลาดหรือล่ม เพื่อส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Adobe ช่วยในการปรับปรุงโปรแกรม

แต่ปัญหาคือ…
🔸 บางเวอร์ชันเก่า มีบั๊กที่ทำให้ลบไฟล์เหล่านี้ไม่สำเร็จ
🔸 ทำให้ไฟล์เหล่านี้สะสมจนกินพื้นที่ไปมหาศาล!

“CR Logs ควรถูกลบโดยอัตโนมัติหลังจากส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Adobe แต่ในเวอร์ชันเก่า มีบางกรณีที่ไฟล์ไม่ถูกลบหากส่งไม่สำเร็จ ซึ่งได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่” — Kanika • Adobe Employee, Feb 02, 2018


🧯 ลบได้มั้ย? ปลอดภัย 100%

คุณสามารถลบไฟล์ในโฟลเดอร์ dumps ได้ทันที โดยไม่มีผลกระทบต่อการใช้งาน Adobe ใดๆ
หลายคนค้นพบว่าโฟลเดอร์นี้กินพื้นที่ไปถึง
150 – 350 GB 😱

screenshot-1740645659847

สรุปฟีเจอร์ใหม่ใน SketchUp Desktop 2025

SketchUp for Desktop

Environments (สภาพแวดล้อม) – เพิ่มพาเนลใหม่ที่ช่วยให้สามารถเพิ่มไฟล์ภาพ 360° (HDRI/EXR) เพื่อสร้างบรรยากาศและแสงสะท้อนแบบไดนามิก


Photoreal Materials (วัสดุสมจริง) – รองรับวัสดุแบบ PBR ที่ตอบสนองต่อแสงและสภาพแวดล้อม


Generate Textures (สร้างพื้นผิวด้วย AI) – ใช้ AI สร้างเท็กซ์เจอร์ PBR สำหรับวัสดุที่ไม่มีพื้นผิวสมจริง


Trimble Connect: Import, Reload, Save Out – เพิ่มฟีเจอร์การนำเข้า, โหลดใหม่, และบันทึกไฟล์โดยตรงจาก Trimble Connect


Apply Tags to Scenes – สามารถกำหนดการมองเห็นของแท็กไปยังฉากที่เลือกได้


Extension Migrator – เครื่องมือช่วยย้ายปลั๊กอินเมื่อต้องการอัปเกรด SketchUp เวอร์ชันใหม่


Purge Unused Reminder – แจ้งเตือนให้ลบข้อมูลที่ไม่ได้ใช้เมื่อต้องการบันทึกไฟล์ เพื่อลดขนาดโมเดล


ปรับปรุงเครื่องมือโมเดลลิ่ง – พัฒนาเครื่องมือ Rotate, Arc, Snaps, และ Text


ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ IFC และ Revit – รองรับการทำงานกับไฟล์ BIM ได้ดียิ่งขึ้น

ยกเลิก Style Builder – ไม่รองรับการใช้งาน Style Builder อีกต่อไป


ติดตั้ง V-Ray ได้จากตัวติดตั้ง Windows – ผู้ใช้ SketchUp Studio สามารถติดตั้ง V-Ray ได้โดยตรง


LayOut

Move, Rotate, Scale – ปรับปรุงให้ใช้งานเหมือนกับใน SketchUp
Join & Split Tools – รวมและแยกเส้นเป็นองค์ประกอบเดียวหรือแยกออกจากกันได้
Zoom Window Tool (Z) – เครื่องมือซูมเฉพาะจุดในเอกสาร
รองรับ Photoreal Materials & Environments – แสดงผลวัสดุ PBR และสภาพแวดล้อมจาก SketchUp ใน LayOut
ปรับปรุงการพิมพ์และส่งออกจาก Pages Panel – สามารถเลือกพิมพ์หรือส่งออกบางหน้าในเอกสารได้

สรุป

SketchUp 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นการสร้างภาพสมจริง (PBR Materials, AI Generate Textures, Environments) และปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Trimble Connect และไฟล์ BIM นอกจากนี้ยังเพิ่มเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานใน LayOut มีประสิทธิภาพมากขึ้น

S__26984463

End of Support Policy : ลูกค้าเจอปัญหา SketchUp 2022 ใช้งาน 3D Warehouse ไม่ได้

ปัญหาเกิดจากนโยบาย End of Support Policy ที่กำหนดให้เวอร์ชันเก่าหยุดการ Support หลังจาก 3 ปีของปีที่ Release และปีนี้ก็ถึงเวลาของ SketchUp 2022

End of Support Policy

ในโลกของซอฟต์แวร์ ทุก ๆ โปรแกรมมี Lifecycle ของตัวเอง และเมื่อถึงเวลา End of Support ก็หมายความว่าการ Maintenance และ Security Updates จะไม่ถูกส่งมาให้อีกต่อไป ทาง SketchUp จึงมี Policy ที่กำหนดให้เวอร์ชันเก่าหยุดการ Support หลังจาก 3 ปีของปีที่ Release

End of Support คืออะไร?

เมื่อเวอร์ชันของ SketchUp เข้าสู่สถานะ End of Support หมายความว่าซอฟต์แวร์ของคุณเปลี่ยนจากสถานะ Supported ไปเป็น Unsupported ส่งผลให้ฟีเจอร์ต่าง ๆ อาจทำงานได้ไม่สมบูรณ์ รวมถึงการขาด Security Updates ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการใช้งาน

ตัวอย่างเช่น SketchUp 2022 จะมี End of Support ในวันที่ 31 มกราคม 2025

ทำไมต้องมี End of Support Policy?

SketchUp มุ่งมั่นที่จะให้ User Experience ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ โดยการ:

  • ให้บริการซอฟต์แวร์ที่เสถียรและปลอดภัย
  • ให้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
  • ลดภาระในการ Support เวอร์ชันเก่า เพื่อโฟกัสที่เวอร์ชันใหม่

ฉันยังได้รับการ Support หรือไม่?

คุณสามารถตรวจสอบเวอร์ชันของ SketchUp ได้ที่ About SketchUp สำหรับ Windows จะอยู่ใน Help Menu และสำหรับ Mac จะอยู่ใน SketchUp Menu

VersionEnd of Support Date
2020 และก่อนหน้าUnsupported
202131 ม.ค. 2024
202231 ม.ค. 2025
202331 ม.ค. 2026

หมายเหตุ: วัน End of Support อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามการ Release ของเวอร์ชันใหม่

ถ้าเวอร์ชันของฉันเป็น Unsupported จะเกิดอะไรขึ้น?

  • ฟีเจอร์พื้นฐานบางอย่างอาจใช้งานไม่ได้
  • Extensions บางตัวอาจไม่ทำงาน
  • ไม่สามารถติดต่อ SketchUp Support เพื่อรับความช่วยเหลือได้
  • ไม่มี Download Links สำหรับเวอร์ชันที่ไม่รองรับ

Web Services และ Unsupported Versions

SketchUp มีหลายฟีเจอร์ที่ต้องใช้ Internet Connection เช่น:

  • 3D Warehouse
  • Extension Warehouse
  • Add Location
  • Generate Report
  • Sefaira
  • Live Components
  • Trimble Connect

ในเวอร์ชันเก่า Embedded Web Browser ไม่สามารถ Update ได้ ทำให้ Web Services อาจทำงานไม่สมบูรณ์หรือใช้งานไม่ได้เลย

การอัปเกรดเป็นเวอร์ชันที่รองรับ

SketchUp Pro และ SketchUp Studio มาพร้อมกับการเข้าถึงเวอร์ชันล่าสุดของ SketchUp โดยสามารถ Download และ Install ได้ทันที

ฉันมี Subscription หรือไม่?

ตรวจสอบสถานะ Subscription ของคุณได้ที่ Trimble Account Management Portal

หากคุณยังไม่ได้เป็น Subscriber คุณสามารถเลือกแผนที่เหมาะสมได้จาก:

  • SketchUp Pro
  • SketchUp Studio
  • SketchUp for Higher Education

ฉันใช้ License Key จะอัปเกรดได้อย่างไร?

Classic License ใช้ได้กับเวอร์ชันที่ซื้อเท่านั้น หากต้องการอัปเกรดต้องซื้อ SketchUp Pro หรือ SketchUp Studio Subscription

หมายเหตุ: SketchUp Go และ SketchUp Free ไม่รวมถึงเวอร์ชันสำหรับ Desktop

Softwaretae-3

ซื้อซอฟต์แวร์แท้ที่ไหนดี?

การเลือกซื้อซอฟต์แวร์แท้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย MTECH Thailand คือตัวเลือกที่ดีที่สุด ด้วยการรับรองจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำและบริการหลังการขายครบวงจร

1. ซื้อจากแหล่งที่ได้รับการรับรอง

การเลือกซื้อซอฟต์แวร์จากตัวแทนที่ได้รับการรับรองเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับซอฟต์แวร์แท้ ไม่มีความเสี่ยงจากมัลแวร์ และสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง

ทำไมต้องซื้อกับ MTECH?

  • ได้รับการรับรองจากผู้พัฒนาโดยตรง เป็น Gold Partner ของ Autodesk, Adobe และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Chaos, SketchUp และ Foxit
  • มั่นใจเรื่องลิขสิทธิ์แท้ 100% ใช้งานได้อย่างปลอดภัย
  • ออกใบเสนอราคาและใบกำกับภาษีได้ รองรับการจัดซื้อขององค์กร

2. บริการหลังการขายที่เหนือกว่า

MTECH ไม่ใช่แค่จำหน่ายซอฟต์แวร์ แต่ยังให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการใช้งานจริง

บริการหลังการขายที่คุณจะได้รับ

  • Remote ติดตั้งและแก้ไขปัญหา โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ
  • อัปเดตซอฟต์แวร์ และแจ้งเตือนแพตช์ความปลอดภัย
  • มีศูนย์อบรมที่ได้รับการรับรองจาก Autodesk (ATC) พร้อมใบรับรองการอบรม
  • ให้คำแนะนำการใช้งานและ Demo เบื้องต้น เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

3. รองรับระบบบัญชีและภาษีขององค์กร

MTECH ช่วยให้การจัดซื้อซอฟต์แวร์ขององค์กรเป็นเรื่องง่าย ด้วยระบบที่รองรับการออกใบเสนอราคา ใบกำกับภาษี และสามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้ตรงกับระบบบัญชีและภาษีของบริษัทได้

จุดเด่นของ MTECH สำหรับธุรกิจ

  • ออกเอกสารครบถ้วน รองรับการเบิกจ่ายขององค์กร
  • ให้คำปรึกษาการเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับระบบของบริษัท
  • เชื่อมต่อกับระบบบัญชีและภาษีขององค์กรได้อย่างราบรื่น

4. ให้คำแนะนำก่อนซื้อ เพื่อให้ได้ซอฟต์แวร์ที่ตรงความต้องการที่สุด

MTECH มีทีมเซลส์มืออาชีพที่พร้อมให้คำแนะนำและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อช่วยเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมที่สุด

ทำไมควรปรึกษากับ MTECH ก่อนซื้อ?

  • ช่วยเลือกแพ็กเกจซอฟต์แวร์ที่ตรงกับการใช้งาน
  • เปรียบเทียบตัวเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและความต้องการ
  • ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ และข้อกำหนดการใช้งาน
reacap revit c

Recap แก้เคส Revit เปิดไฟล์งานจากบน Docs แล้วเด้งหลุด

Recap: วิธีแก้ไขปัญหา Revit เปิดไฟล์งานจาก Autodesk Docs แล้วเด้งหลุด ลบลงใหม่ก็ไม่หาย

กรณีลูกค้าประสบปัญหาใช้งาน Revit แล้วเกิดไฟตก ส่งผลให้โปรแกรมเด้งหลุดเมื่อเปิดไฟล์งานจาก cloud (Autodesk Docs) แต่ไฟล์ที่อยู่ในเครื่องสามารถเปิดได้ปกติ อาการนี้อาจเกิดจาก bad data ในไฟล์ user.config

วิธีแก้ไขปัญหา

1. Recreate user.config

  1. ไปที่ path:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local  
  1. เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ “Autodesk,_Inc” เป็น “Autodesk,_Inc_OLD”

หมายเหตุ: การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับทุกเวอร์ชันของ Revit ที่ติดตั้งไว้ หากเวอร์ชันอื่นมีปัญหาหลังจากนี้ ให้คัดลอกเนื้อหาในโฟลเดอร์เก่า (OLD) ไปใส่ในโฟลเดอร์ใหม่ โดยไม่ต้องทับไฟล์ที่มีอยู่

  1. เปิดโปรแกรม Revit
  2. ลองเปิดไฟล์ Cloud model

2. Clear CollaborationCache

สำหรับ Revit 2024 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า

  1. เปิด Revit และไปที่ Options
  2. เปลี่ยนตำแหน่ง Cloud model cache (ตัวอย่าง:
   C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit_New  
  1. ปิดและเปิด Revit ใหม่อีกครั้งเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ทำการ Clear PacCache ตามขั้นตอนด้านล่าง:

Clear PacCache (Personal Accelerator Cache):

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Pac
  3. ย้ายทุกอย่างใน path ด้านล่าง (ยกเว้นโฟลเดอร์ Logs และไฟล์ JSON) ไปที่ subfolder ที่สร้างไว้:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit\PacCache  

สำหรับ Revit 2023 และเวอร์ชันก่อนหน้า

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Collab
  3. ย้ายเนื้อหาทั้งหมดใน path ด้านล่างไปที่ subfolder:
  %localappdata%\Autodesk\Revit\Autodesk Revit ####\CollaborationCache

หลังจากทำตามขั้นตอนดังกล่าว หากปัญหายังไม่หาย อาจต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ network configuration หรือ permissions ในระบบ.

วิธีดาวน์ซอฟต์แวร์ Autodesk version เก่าๆ

วิธีดาวน์ซอฟต์แวร์ Autodesk version เก่าๆ

Autodesk นั้นจะสามารถดาวน์โหลดซอฟแวร์เวอร์ชั้นย้อนหลังได้ 4 version เช่น ปัจจุบัน 2025 เก่าสุดที่ดาวน์โหลดได้คือ 2022 นั่นเอง แต่ถ้าหากต้องการต่ำกว่านั้นซึ่งอยู่นอกเหนือการซัพพอร์ตจาก Autodesk แล้วก็สามารถดาวน์โหลด ( Out of support versions ) ดังนี้

1.เข้าสู่ระบบ

  • ไปที่ Autodesk Account
  • ทำการล็อกอินด้วยบัญชีผู้ใช้ Autodesk ของคุณ

2.เปิดใช้งานแชทช่วยเหลือ

  • เลื่อนไปที่มุมขวาล่างของหน้าจอ
  • คลิกที่กล่องข้อความ [Autodesk Assistance]

3.เลือกประเภทความช่วยเหลือ

  • ในหน้าต่างแชท เลือกขั้นตอนดังนี้:
    • [Post-purchase support]
    • [Download]
    • [Download software]
    • [Find a product download]

4.ค้นหาซอฟต์แวร์ที่ต้องการ

  • พิมพ์ชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องการดาวน์โหลด
  • เลือก เวอร์ชัน ที่ต้องการ (เช่น เวอร์ชันเก่าที่อยู่นอกขอบเขตการสนับสนุน)

5.เลือกรูปแบบการติดตั้ง

  • เลือก This computer หากต้องการติดตั้งในเครื่องปัจจุบัน
  • หรือเลือก Multiple computers หากต้องการดาวน์โหลดไฟล์สำหรับติดตั้งในเครื่องอื่น

กำหนดภาษาและระบบปฏิบัติการ (OS)

  • เลือกภาษาที่ต้องการ
  • ระบุระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่

เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Autodesk เวอร์ชันเก่าได้ตามต้องการ!

เช็ควันหมดอายุสำหรับซอฟแวร์ Autodesk แบบรายปี

เพื่อให้ Primary Admin, Secondary Admin หรือ Users ตรวจสอบวันหมดอายุของสัญญาใช้งานซอฟต์แวร์ Autodesk แบบรายปีได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

สำหรับ Primary Admin และ Secondary Admin

1.ไปที่เว็บไซต์ Autodesk Account และเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ (Admin) ของคุณ


 

2. เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้ไปที่ “Subscriptions and Contracts” ในเมนู Billing and Orders ด้านซ้าย


 

3.ภายใต้ข้อมูลของซอฟต์แวร์ จะแสดงรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ เลขสัญญา (Contract #), วันหมดอายุสัญญา, จำนวนที่นั่ง (Seats), ระยะเวลาสัญญา (Terms: 1 ปี / 3 ปี) และ ทีม (Teams) ที่สัญญานั้นบรรจุอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณทราบวันที่ต้องต่ออายุล่วงหน้าและจัดการการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ




สำหรับ Users (ผู้ใช้งานทั่วไป)

1.เปิดโปรแกรม Autodesk ของคุณ


 

2.คลิกที่ชื่อโปรไฟล์ ของคุณ มุมขวาบนของหน้าต่างโปรแกรม


 

3.เลือก Manage License (จัดการใบอนุญาต)


 

4.คลิกที่เครื่องหมาย > เพื่อดูรายละเอียดทั้งหมด เช่น วันหมดอายุ, Autodesk ID, และ License Behavior



 

สเปคคอมสำหรับ Autodesk CFD

แนะนำฮาร์ดแวร์สำหรับ Simulations ใน Autodesk CFD

CPU:

  • ควรเน้นไปที่ CPU ที่มีการทำงานแบบ Multi-threading  และมี L3 Cache ที่สูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลของซอฟต์แวร์สามารถดูคะแนน CPU ได้ตามลิงค์( ยิ่งสูงยิ่งดู ) >> Cinebench R23 (Multi-Core) CPU benchmark list (cpu-monkey.com)

GPU:

  • GPU สามารถช่วยเร่งความเร็วในการจำลองและการเรนเดอร์ (Rendering) ของกราฟิก ดังนั้นควรเลือกใช้ GPU ที่มีคะแนนในส่วนของ OpenGL สูง สามารถดูคะแนน OpenGL จากลิงค์นี้ >> https://gfxbench.com/result.jsp

    และ Setting ตามรูปด้านล่าง

RAM:

  • เราแนะนำให้เริ่มต้นที่ 32 GB สำหรับ RAM และหากโมเดลที่ใช้ในการจำลองมีขนาดใหญ่ขึ้น ควรเพิ่มขนาดของ RAM ตามขนาดของโมเดล
  • ความเร็วของ Bus Speed ใน RAM จะช่วยเพิ่มความราบรื่นในการเขียนและสร้างโมเดล

Hard Disk:

  • ความเร็วในการเขียน/อ่าน (Write/Read) ของ Hard Disk มีผลต่อการเปิดและบันทึกไฟล์งาน ดังนั้นควรเลือกใช้ SSD ที่มีความเร็วสูงเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

ระบบระบายความร้อน:

  • ระบบระบายความร้อนของคอมพิวเตอร์ควรมีความเหมาะสมกับ CPU และ GPU เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องเป็นไปได้โดยไม่เกิดความร้อนเกิน


#SOURCE : Hardware Recommendation for Autodesk CFD

ซื้อ Autodesk Product เพิ่ม แต่ใน User Management ไม่เพิ่ม? แก้ไขได้ง่ายๆ ดังนี้

1. ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Contact Email เท่านั้น:

  • ไปที่ https://manage.autodesk.com/
  • ใส่ Contact Email ที่ใช้ซื้อ Autodesk Product
  • คลิก “ลงชื่อเข้าใช้”

2. ไปที่ User Management > By Product:

  • คลิกเมนู “User Management”
  • เลือก “By Product”

3. ค้นหาแท็บสีเหลืองแจ้งเตือนดัง

  • แท็บสีเหลืองจะแสดงจำนวน Product ที่ซื้อเพิ่ม แต่ยังไม่ได้ Assign ทีม
  • คลิกแท็บสีเหลือง

4. คลิก “Assign” เพื่อ Assign Product ให้ “Team”

  • เลือก Product ที่ต้องการ Assign
  • เลือก “Team” ที่ต้องการ Assign Product

4.1 กรณีเลือก Assign Product ให้ Team เดิมที่มีอยู่:

  • เลือก “Team” จากรายการ Dropdown
  • คลิก “Assign”

4.2 กรณีเลือก Assign Product ให้ Team ใหม่:

  • เลือก “Create team”
  • ใส่ชื่อ “Team” ใหม่
  • เลือก “Assign”

5. ตรวจสอบการ Assign Product:

  • ตรวจสอบว่า Product ได้ถูก Assign ให้กับ “Team” ที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว

หมายเหตุ:

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ใช้ที่ต้องการใช้ Product ได้อยู่ใน “Team” ที่ Assign Product
  • ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Product ได้หลังจาก Assign Product เรียบร้อยแล้ว