0EM3g000003ix6T

เปิด Revit แล้วมีแถบดำกะพริบๆ ปัญหาจาก SQLDUMPER.EXE

เจอเคสแปลกๆนานๆเจอที เวลากดเปิดโปรแกรม Revit หรือ Advance Steel แล้วจู่ๆ ก็มีหน้าต่างสีดำกะพริบถี่ๆ ขึ้นมาบนหน้าจอจนแทบจะอ่านไม่ทัน ต้องเพ่งดูทีละตัวถึงจะเห็นว่าชื่อมันคือ SQLDUMPER.EXE

ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 11 และมี SSD/NVMe drive ที่มีขนาดเซกเตอร์ใหญ่กว่า 4KB ซึ่ง Autodesk Support ระบุว่าเป็นสาเหตุหลัก เพราะ SQL Server ที่เป็นฐานข้อมูลของโปรแกรมไม่สามารถทำงานบนไดรฟ์ที่มีขนาดเซกเตอร์แบบนี้ได้


สาเหตุหลักและวิธีแก้ไขที่ซับซ้อน

บทความจาก Autodesk อธิบายสาเหตุและแนวทางแก้ไขไว้อย่างละเอียด ซึ่งต้องยอมรับว่าค่อนข้างซับซ้อนและใช้เวลาพอสมควร เช่น

  • แก้ไข Registry: ต้องเข้าไปแก้ไขค่าใน Windows Registry ด้วยตัวเอง เพื่อบังคับให้ระบบจำลองขนาดเซกเตอร์เป็น 4KB เหมือนกับใน Windows 10
  • ตรวจสอบและแก้ไขสิทธิ์การใช้งานโฟลเดอร์: ต้องเข้าไปเช็กสิทธิ์การใช้งานของโฟลเดอร์โปรแกรมใน C:\ProgramData\Autodesk เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้มีสิทธิ์ Full control
  • ตรวจสอบและแก้ไขการติดตั้ง SQL Server LocalDB: ต้องใช้เครื่องมือและขั้นตอนที่ซับซ้อนเพื่อตรวจสอบว่าไฟล์ฐานข้อมูล SQL Server เสียหายหรือไม่

วิธีเหล่านี้ต้องใช้ความเข้าใจทางเทคนิคพอสมควร และบางครั้งทำตามหลายขั้นตอนแล้วก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
อ้างอิงบทความ >> SQLDUMPER.EXE window opening and closing when launching or working in Revit or Advance Steel


วิธีแก้ไขที่ง่ายและได้ผลทันที

แต่จากการลองผิดลองถูก มีวิธีหนึ่งที่ง่ายและได้ผลทันทีโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับขั้นตอนที่ซับซ้อน นั่นก็คือ:

“ลบ SQL Server ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องทิ้งไปซะ!”

พอถอนการติดตั้ง SQL Server ออกจากระบบ ปัญหาหน้าต่างกะพริบก็หายไปทันที ทำให้สามารถใช้งาน Revit ได้อย่างปกติ . วิธีนี้อาจดูรุนแรงไปบ้าง แต่ในเมื่อวิธีที่ซับซับซ้อนใช้ไม่ได้ผล การแก้ปัญหาแบบตรงไปตรงมาก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

วิธีลบและซ่อมแซม SQL Server

การลบหรือซ่อมแซม SQL Server สามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้:

  1. กดปุ่ม Start แล้วพิมพ์ appwiz.cpl เพื่อเปิดหน้าต่าง Programs and Features
  2. ในช่องค้นหา พิมพ์ sql
  3. คลิกขวาที่ SQL Server LocalDB แล้วเลือก:
    • Repair: หากต้องการซ่อมแซมไฟล์ที่เสียหาย โดยข้อมูลต่างๆ จะยังคงอยู่ครบ
    • Uninstall: หากต้องการลบโปรแกรมออกทั้งหมด

SQL Server คืออะไร? ลบแล้วจะมีปัญหาไหม?

SQL Server คือโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน “คลังข้อมูล” ของแอปพลิเคชันต่างๆ . สำหรับ Revit หรือ Advance Steel จะใช้ SQL Server LocalDB ซึ่งเป็นเวอร์ชันย่อส่วนเพื่อเก็บข้อมูลโปรเจกต์และข้อมูลเฉพาะของโปรแกรมไว้ในเครื่อง

หน้าที่หลัก:

  • จัดเก็บข้อมูล: เก็บข้อมูลในรูปแบบตารางอย่างเป็นระบบ
  • จัดการข้อมูล: ช่วยให้โปรแกรมสามารถเรียกดู, เพิ่ม, แก้ไข หรือลบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ลบแล้วมีปัญหาไหม?

การลบ SQL Server LocalDB อาจทำให้ฟังก์ชันบางอย่างของ Revit หรือ Advance Steel ที่ต้องใช้ฐานข้อมูลไม่สามารถทำงานได้ เช่น การจัดการข้อมูลโปรเจกต์บางส่วน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่โปรแกรมมีปัญหาแถบดำกะพริบ การลบ SQL Server มักเป็นวิธีที่ได้ผล เพราะปัญหานี้เกิดจากความไม่เข้ากันของ SQL Server กับฮาร์ดแวร์หรือระบบปฏิบัติการบางอย่าง เมื่อลบออก ปัญหาก็จะหายไป ทำให้โปรแกรมสามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติครับ

filters_quality(80)

Checklist ทำงานผ่านในโปรเจคบน Autodesk Construction cloud [ BIM360 ] ต้องใช้ Product ตัวไหน

เลือก Product สำหรับ Autodesk Construction Cloud

คุณเหมาะกับ Product ตัวไหนใน Autodesk Construction Cloud?

เลือกคำตอบที่ตรงกับความต้องการของคุณที่สุดในแต่ละหัวข้อ

หน้าที่หลักและบทบาทในโปรเจกต์

การทำงานร่วมกันบนคลาวด์

ความจำเป็นในการสร้าง/แก้ไขโมเดล

480734295_1129204165661217_7460585855837923623_n

AutoCAD vs AutoCAD LT | ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติ

AutoCAD vs AutoCAD LT

AutoCAD vs AutoCAD LT | เปรียบเทียบคุณสมบัติ

คุณสมบัติ (Features)AutoCADAutoCAD LTคำอธิบาย
2D Drafting & Documentation
2D manufacturing drawingsการสร้างและแก้ไขแบบเขียนแบบ 2D สำหรับการผลิต
Geometric dimensions & tolerances (GD+T) standardsมาตรฐานการระบุขนาดและความคลาดเคลื่อนทางเรขาคณิต
Print batches of drawingsการพิมพ์แบบเขียนแบบจำนวนมากในครั้งเดียว
Batch plot to PDF(s)การ Plot ไฟล์แบบชุดเป็น PDF
Xref compareการเปรียบเทียบไฟล์ External References
Smart annotation toolsเครื่องมือ Annotation อัจฉริยะ
3D Modeling & Visualization
Compatible for 3D printingรองรับการส่งออกไฟล์สำหรับ 3D printing
Detailed concept renderingsการเรนเดอร์ภาพแบบจำลองที่ละเอียด
3D graphics rotation/panningการหมุน/เลื่อนกราฟิก 3D
Assembly modelingการสร้างแบบจำลองชิ้นส่วนประกอบ
Parametric modelingการสร้างแบบจำลอง Parametric
Surface & Mesh modelingการสร้างแบบจำลอง Surface และ Mesh
Direct modelingการสร้างแบบจำลอง Direct
Collaboration & Data Management
Shared view collaborationการทำงานร่วมกันแบบ Shared view
Import, export drawings & blocksการนำเข้าและส่งออก Drawing และ Block
Import, export modelsการนำเข้าและส่งออกโมเดล
AnyCADเทคโนโลยีทำงานกับไฟล์ CAD จากหลายแหล่ง
BIM interoperabilityการทำงานร่วมกับ BIM
APIs & Automation
AutoLISP programming and automationการเขียนโปรแกรม AutoLISP และ Automation
ObjectARX and managed .NET librariesการใช้ ObjectARX และ .NET Libraries
Macrosการสร้าง Macro
Automate bills of materials creationการสร้าง Bills of Materials อัตโนมัติ
Specialized Toolsets
Mechanical toolsetชุดเครื่องมือสำหรับงานด้านเครื่องกล
Architecture toolsetชุดเครื่องมือสำหรับงานสถาปัตยกรรม
Electrical toolsetชุดเครื่องมือสำหรับงานไฟฟ้า
MEP, Plant 3D, Map 3D toolsetsชุดเครื่องมือเฉพาะทางอื่นๆ
Cloud & Mobility
Web app & Mobile appแอปพลิเคชันสำหรับเว็บและมือถือ
Annotate DWG in airplane modeการทำ Annotation ไฟล์ DWG ขณะไม่มีอินเทอร์เน็ต
เลือก AutoCAD หรือ AutoCAD LT?

คุณเหมาะกับ AutoCAD หรือ AutoCAD LT?

เลือกคำตอบที่ตรงกับความต้องการของคุณที่สุดในแต่ละหัวข้อ

ประเภทงานเขียนแบบหลัก

การทำงานระบบและเครื่องมือเฉพาะทาง

การเขียนโปรแกรมและการทำงานอัตโนมัติ

การทำงานร่วมกับไฟล์และข้อมูลขั้นสูง

งบประมาณและความคุ้มค่า

0EMKf000007vQzy

AutoCAD Plot Error “Error(S) Did not Plot” :The destination directory for the output file does not exist.

เมื่อคุณพยายาม Publish ไฟล์ด้วยการตั้งค่า Overrides ใน Sheet Set Manager ของ AutoCAD แล้วพบข้อผิดพลาด “ERROR: The destination directory for the output file does not exist.” (โฟลเดอร์ปลายทางสำหรับไฟล์เอาท์พุตไม่มีอยู่จริง) และไฟล์งานไม่ถูก Plot นี่คือสาเหตุและวิธีแก้ไข:

สาเหตุ

  • โฟลเดอร์เทมเพลตสำหรับสร้างชีทไม่ถูกต้อง: โฟลเดอร์ที่คุณกำหนดไว้สำหรับ Sheet creation template (เทมเพลตการสร้างชีท) ไม่มีอยู่จริง หรือไม่มีไฟล์เทมเพลต (DWT) อยู่ในโฟลเดอร์นั้น
  • ตำแหน่ง Publish ไม่ถูกต้อง: โฟลเดอร์ที่ระบุภายใต้ “Location” ในส่วน “Publish Option Information” ไม่ถูกต้อง

1. ตรวจสอบและแก้ไขโฟลเดอร์เทมเพลตสำหรับการสร้างชีท

  1. คลิกขวาที่ชื่อ Sheet Set ของคุณใน Sheet Set Manager
  2. เลือก Sheet Set Properties
  1. คลิกที่ช่องไดเรกทอรีที่กำหนดไว้สำหรับ Sheet creation template
  2. เรียกดู (Browse) ไปยังโฟลเดอร์ที่คุณต้องการ และดำเนินการดังนี้:
    • ตรวจสอบว่าโฟลเดอร์นั้นมีอยู่จริง: ถ้าไม่มี ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ถูกต้อง
    • ตรวจสอบว่ามีไฟล์ Creation template (DWT) อยู่ในโฟลเดอร์นั้น: ถ้าไม่มี ให้เพิ่มไฟล์ DWT เข้าไปในโฟลเดอร์นั้น

2. ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งภายใต้ Publish Option Information

  1. เปิดหน้าต่าง Publish (โดยปกติคือการคลิกปุ่ม Publish หลังจากเลือกชีทที่ต้องการ)
  2. ในส่วน “Publish Option Information” ให้ตรวจสอบว่าไดเรกทอรีที่แสดงภายใต้ “Location” นั้นถูกต้องและมีอยู่จริง
สาธิตฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Autodesk Docs และเครื่องมือใน AEC Collection ให้กับ Somdoon Architects

สาธิตการใช้งาน Autodesk Docs และแนะนำ AEC Collection ให้แก่ทีม Somdoon Architetcs

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทีม MTECH ได้มีโอกาสเข้าไปซัพพอร์ตและทำการสาธิตฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Autodesk Docs และเครื่องมือใน AEC Collection ให้กับ Somdoon Architects การเข้าไปพูดคุยกับผู้ใช้งานทำให้เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่พบ และวิธีที่ซอฟต์แวร์สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีม MTECH เห็นว่าฟีเจอร์ใหม่ๆของ Autodesk Docs และการใช้งาน AEC Collection นั้น ค่อนข้างหน้าสนใจ จึงอยากนำบางส่วนมาแชร์ให้แก่ทุกท่าน

ฟังก์ชันใหม่ใน Autodesk Docs

Autodesk Docs เป็นแพลตฟอร์มการจัดการเอกสารที่ช่วยให้ทีมงานก่อสร้างสามารถเข้าถึงไฟล์สำคัญได้ทุกที่ ทุกเวลา

  • การจัดการเอกสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเอกสารให้เหมาะสมกับบทบาทของแต่ละบุคคล หรือการควบคุมเวอร์ชั่นอัตโนมัติ ลดปัญหาความสับสนจากไฟล์เก่า
  • รองรับการแสดงความคิดเห็น (Markup) และตรวจสอบแบบออนไลน์
  • เชื่อมต่อกับ Autodesk Construction Cloud เพื่อให้ทีมไซต์ และทีมออกแบบสามารถอัพเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้
  • Workflow ที่ยืดหยุ่นและปรับปรุงได้ง่าย ด้วยฟีเจอร์ Sheet Set Manager และสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์อื่น เช่น Revit, AutoCAD, Civil 3D ได้อีกด้วย

นอกจาก Autodesk Docs แล้ว AEC Collection ยังเพิ่มโซลูชั่นใหม่ที่ช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • Autodesk Tandem เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยี Digital Twin เพื่อช่วยให้โครงการก่อสร้างสามารถจำลองอาคารเสมือนที่เชื่อมต่อกับข้อมูลจริงได้ ทำให้สามารถวิเคราะห์ คาดการณ์ และปรับปรุงการทำงานได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
  • Navisworks เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้วิศวกรและผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถรวมแบบจำลอง 3 มิติจากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อตรวจสอบการชนกันของโครงสร้าง (Clash Detection) และวิเคราะห์ลำดับขั้นตอนการก่อสร้าง (4D Simulation) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
reacap revit c

Recap แก้เคส Revit เปิดไฟล์งานจากบน Docs แล้วเด้งหลุด

Recap: วิธีแก้ไขปัญหา Revit เปิดไฟล์งานจาก Autodesk Docs แล้วเด้งหลุด ลบลงใหม่ก็ไม่หาย

กรณีลูกค้าประสบปัญหาใช้งาน Revit แล้วเกิดไฟตก ส่งผลให้โปรแกรมเด้งหลุดเมื่อเปิดไฟล์งานจาก cloud (Autodesk Docs) แต่ไฟล์ที่อยู่ในเครื่องสามารถเปิดได้ปกติ อาการนี้อาจเกิดจาก bad data ในไฟล์ user.config

วิธีแก้ไขปัญหา

1. Recreate user.config

  1. ไปที่ path:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local  
  1. เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ “Autodesk,_Inc” เป็น “Autodesk,_Inc_OLD”

หมายเหตุ: การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับทุกเวอร์ชันของ Revit ที่ติดตั้งไว้ หากเวอร์ชันอื่นมีปัญหาหลังจากนี้ ให้คัดลอกเนื้อหาในโฟลเดอร์เก่า (OLD) ไปใส่ในโฟลเดอร์ใหม่ โดยไม่ต้องทับไฟล์ที่มีอยู่

  1. เปิดโปรแกรม Revit
  2. ลองเปิดไฟล์ Cloud model

2. Clear CollaborationCache

สำหรับ Revit 2024 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า

  1. เปิด Revit และไปที่ Options
  2. เปลี่ยนตำแหน่ง Cloud model cache (ตัวอย่าง:
   C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit_New  
  1. ปิดและเปิด Revit ใหม่อีกครั้งเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ทำการ Clear PacCache ตามขั้นตอนด้านล่าง:

Clear PacCache (Personal Accelerator Cache):

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Pac
  3. ย้ายทุกอย่างใน path ด้านล่าง (ยกเว้นโฟลเดอร์ Logs และไฟล์ JSON) ไปที่ subfolder ที่สร้างไว้:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit\PacCache  

สำหรับ Revit 2023 และเวอร์ชันก่อนหน้า

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Collab
  3. ย้ายเนื้อหาทั้งหมดใน path ด้านล่างไปที่ subfolder:
  %localappdata%\Autodesk\Revit\Autodesk Revit ####\CollaborationCache

หลังจากทำตามขั้นตอนดังกล่าว หากปัญหายังไม่หาย อาจต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ network configuration หรือ permissions ในระบบ.

Autodesk แจ้งปรับราคา SRP ขึ้นประมาณ 10% ตั้งแต่ 7 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

ประกาศสำคัญ Autodesk จะปรับราคาขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2025 

ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2025 เป็นต้นไป Autodesk จะเริ่มปรับราคาค่าสมัครสมาชิกซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในประเทศไทย (และประเทศอื่นๆในแถบอาเซียน) การปรับราคานี้จะทำให้ราคาค้าปลีก (SRP) ใกล้เคียงกับประเทศต่างๆ ในทุกภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลต่อ การสมัครสมาชิกรายใหม่ และการต่ออายุสมาชิก ทั้งแบบ 1ปี และ 3ปี  

ซอฟต์แวร์ที่มีผลต่อการปรับขึ้นราคาได้แก่ 

  • AutoCAD 
  • AEC Collection 
  • Product Design & Manufacturing Collection 
  • Revit 
  • Civil 3D 
  • Inventor Professional 
  • Navisworks 
  • BIM Collaborate Pro 
  • และอื่นๆ  

หากท่านใดมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามราคา หรือสั่งซื้อซอฟต์แวร์ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายขาย 

Line Official: @mtechthailand  
Email: marketing@mtechthailand.com 
หรือทักแชทผ่านหน้าเว็บไซต์ หรือกรอกแบบฟอร์มนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อให้ข้อมูลแก่ท่าน 

เช็ควันหมดอายุสำหรับซอฟแวร์ Autodesk แบบรายปี

เพื่อให้ Primary Admin, Secondary Admin หรือ Users ตรวจสอบวันหมดอายุของสัญญาใช้งานซอฟต์แวร์ Autodesk แบบรายปีได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

สำหรับ Primary Admin และ Secondary Admin

1.ไปที่เว็บไซต์ Autodesk Account และเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ (Admin) ของคุณ


 

2. เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้ไปที่ “Subscriptions and Contracts” ในเมนู Billing and Orders ด้านซ้าย


 

3.ภายใต้ข้อมูลของซอฟต์แวร์ จะแสดงรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ เลขสัญญา (Contract #), วันหมดอายุสัญญา, จำนวนที่นั่ง (Seats), ระยะเวลาสัญญา (Terms: 1 ปี / 3 ปี) และ ทีม (Teams) ที่สัญญานั้นบรรจุอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณทราบวันที่ต้องต่ออายุล่วงหน้าและจัดการการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ




สำหรับ Users (ผู้ใช้งานทั่วไป)

1.เปิดโปรแกรม Autodesk ของคุณ


 

2.คลิกที่ชื่อโปรไฟล์ ของคุณ มุมขวาบนของหน้าต่างโปรแกรม


 

3.เลือก Manage License (จัดการใบอนุญาต)


 

4.คลิกที่เครื่องหมาย > เพื่อดูรายละเอียดทั้งหมด เช่น วันหมดอายุ, Autodesk ID, และ License Behavior



 

Dynamo

งานสัมมนา Dynamo ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด (สำหรับงานก่อสร้างและงาน carbon footprint) วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรม โนโวเทล BTS Siam

จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับงานสัมมนาที่ทาง M technologies (Thailand) ร่วมกับ Synnex (Thailand) Public Company Limited จัดขึ้น ในหัวข้อ “Dynamo ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด (สำหรับงานก่อสร้างและงาน carbon footprint)” ในวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรม โนโวเทล BTS Siam

ทีม MTECH ขอขอบพระคุณผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากทีมผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณเสรี สิริสายัณห์ (ฺBIM/VCD Consultant Evangelist) และคุณกฤษดา อินธรรมมา (Technical Specialist) จาก MTECH Thailand มาร่วมแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการทำงานของ Dynamo บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เป็นกันเอง และได้รับความรู้ร่วมกันอย่างเต็มเปี่ยม

การจัดสัมมนาในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณทีม Synnex ทุกท่าน ที่ร่วมกันจัดงานนี้ได้อย่างครบครันทำให้งานสัมมนานี้เป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้เข้าร่วมทุกท่าน

ซื้อ Autodesk Product เพิ่ม แต่ใน User Management ไม่เพิ่ม? แก้ไขได้ง่ายๆ ดังนี้

1. ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Contact Email เท่านั้น:

  • ไปที่ https://manage.autodesk.com/
  • ใส่ Contact Email ที่ใช้ซื้อ Autodesk Product
  • คลิก “ลงชื่อเข้าใช้”

2. ไปที่ User Management > By Product:

  • คลิกเมนู “User Management”
  • เลือก “By Product”

3. ค้นหาแท็บสีเหลืองแจ้งเตือนดัง

  • แท็บสีเหลืองจะแสดงจำนวน Product ที่ซื้อเพิ่ม แต่ยังไม่ได้ Assign ทีม
  • คลิกแท็บสีเหลือง

4. คลิก “Assign” เพื่อ Assign Product ให้ “Team”

  • เลือก Product ที่ต้องการ Assign
  • เลือก “Team” ที่ต้องการ Assign Product

4.1 กรณีเลือก Assign Product ให้ Team เดิมที่มีอยู่:

  • เลือก “Team” จากรายการ Dropdown
  • คลิก “Assign”

4.2 กรณีเลือก Assign Product ให้ Team ใหม่:

  • เลือก “Create team”
  • ใส่ชื่อ “Team” ใหม่
  • เลือก “Assign”

5. ตรวจสอบการ Assign Product:

  • ตรวจสอบว่า Product ได้ถูก Assign ให้กับ “Team” ที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว

หมายเหตุ:

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ใช้ที่ต้องการใช้ Product ได้อยู่ใน “Team” ที่ Assign Product
  • ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Product ได้หลังจาก Assign Product เรียบร้อยแล้ว