0EM3g000003ix6T

เปิด Revit แล้วมีแถบดำกะพริบๆ ปัญหาจาก SQLDUMPER.EXE

เจอเคสแปลกๆนานๆเจอที เวลากดเปิดโปรแกรม Revit หรือ Advance Steel แล้วจู่ๆ ก็มีหน้าต่างสีดำกะพริบถี่ๆ ขึ้นมาบนหน้าจอจนแทบจะอ่านไม่ทัน ต้องเพ่งดูทีละตัวถึงจะเห็นว่าชื่อมันคือ SQLDUMPER.EXE

ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 11 และมี SSD/NVMe drive ที่มีขนาดเซกเตอร์ใหญ่กว่า 4KB ซึ่ง Autodesk Support ระบุว่าเป็นสาเหตุหลัก เพราะ SQL Server ที่เป็นฐานข้อมูลของโปรแกรมไม่สามารถทำงานบนไดรฟ์ที่มีขนาดเซกเตอร์แบบนี้ได้


สาเหตุหลักและวิธีแก้ไขที่ซับซ้อน

บทความจาก Autodesk อธิบายสาเหตุและแนวทางแก้ไขไว้อย่างละเอียด ซึ่งต้องยอมรับว่าค่อนข้างซับซ้อนและใช้เวลาพอสมควร เช่น

  • แก้ไข Registry: ต้องเข้าไปแก้ไขค่าใน Windows Registry ด้วยตัวเอง เพื่อบังคับให้ระบบจำลองขนาดเซกเตอร์เป็น 4KB เหมือนกับใน Windows 10
  • ตรวจสอบและแก้ไขสิทธิ์การใช้งานโฟลเดอร์: ต้องเข้าไปเช็กสิทธิ์การใช้งานของโฟลเดอร์โปรแกรมใน C:\ProgramData\Autodesk เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้มีสิทธิ์ Full control
  • ตรวจสอบและแก้ไขการติดตั้ง SQL Server LocalDB: ต้องใช้เครื่องมือและขั้นตอนที่ซับซ้อนเพื่อตรวจสอบว่าไฟล์ฐานข้อมูล SQL Server เสียหายหรือไม่

วิธีเหล่านี้ต้องใช้ความเข้าใจทางเทคนิคพอสมควร และบางครั้งทำตามหลายขั้นตอนแล้วก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
อ้างอิงบทความ >> SQLDUMPER.EXE window opening and closing when launching or working in Revit or Advance Steel


วิธีแก้ไขที่ง่ายและได้ผลทันที

แต่จากการลองผิดลองถูก มีวิธีหนึ่งที่ง่ายและได้ผลทันทีโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับขั้นตอนที่ซับซ้อน นั่นก็คือ:

“ลบ SQL Server ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องทิ้งไปซะ!”

พอถอนการติดตั้ง SQL Server ออกจากระบบ ปัญหาหน้าต่างกะพริบก็หายไปทันที ทำให้สามารถใช้งาน Revit ได้อย่างปกติ . วิธีนี้อาจดูรุนแรงไปบ้าง แต่ในเมื่อวิธีที่ซับซับซ้อนใช้ไม่ได้ผล การแก้ปัญหาแบบตรงไปตรงมาก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

วิธีลบและซ่อมแซม SQL Server

การลบหรือซ่อมแซม SQL Server สามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้:

  1. กดปุ่ม Start แล้วพิมพ์ appwiz.cpl เพื่อเปิดหน้าต่าง Programs and Features
  2. ในช่องค้นหา พิมพ์ sql
  3. คลิกขวาที่ SQL Server LocalDB แล้วเลือก:
    • Repair: หากต้องการซ่อมแซมไฟล์ที่เสียหาย โดยข้อมูลต่างๆ จะยังคงอยู่ครบ
    • Uninstall: หากต้องการลบโปรแกรมออกทั้งหมด

SQL Server คืออะไร? ลบแล้วจะมีปัญหาไหม?

SQL Server คือโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน “คลังข้อมูล” ของแอปพลิเคชันต่างๆ . สำหรับ Revit หรือ Advance Steel จะใช้ SQL Server LocalDB ซึ่งเป็นเวอร์ชันย่อส่วนเพื่อเก็บข้อมูลโปรเจกต์และข้อมูลเฉพาะของโปรแกรมไว้ในเครื่อง

หน้าที่หลัก:

  • จัดเก็บข้อมูล: เก็บข้อมูลในรูปแบบตารางอย่างเป็นระบบ
  • จัดการข้อมูล: ช่วยให้โปรแกรมสามารถเรียกดู, เพิ่ม, แก้ไข หรือลบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ลบแล้วมีปัญหาไหม?

การลบ SQL Server LocalDB อาจทำให้ฟังก์ชันบางอย่างของ Revit หรือ Advance Steel ที่ต้องใช้ฐานข้อมูลไม่สามารถทำงานได้ เช่น การจัดการข้อมูลโปรเจกต์บางส่วน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่โปรแกรมมีปัญหาแถบดำกะพริบ การลบ SQL Server มักเป็นวิธีที่ได้ผล เพราะปัญหานี้เกิดจากความไม่เข้ากันของ SQL Server กับฮาร์ดแวร์หรือระบบปฏิบัติการบางอย่าง เมื่อลบออก ปัญหาก็จะหายไป ทำให้โปรแกรมสามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติครับ

MTECHDRNYT

วีดีโอสาธิตกรใช้ Fusion 360 ในการออกแบบ Drone ด้วย Generative Design ด้วย Autodesk Fusion จาก KPR Institute of Engineering and Technology 

Autodesk Fusion 360 มีบทบาทสำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมโดรน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยความสามารถที่หลากหลายและครบวงจร ทำให้เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในหมู่นักพัฒนาโดรน ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ บทบาทหลักๆ มีดังนี้:

  1. การออกแบบโครงสร้างโดรน (Drone Structure Design – CAD):
    • การสร้างโมเดล 3 มิติที่ซับซ้อน: Fusion 360 ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้างโมเดล 3 มิติของโครงสร้างโดรนได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเฟรม, แขน, หรือส่วนประกอบอื่นๆ ด้วยเครื่องมือ Parametric, Freeform (T-spline), และ Surface Modeling
    • การออกแบบชิ้นส่วนภายใน: สามารถออกแบบช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่, แผงวงจรควบคุมการบิน (Flight Controller), มอเตอร์, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงพื้นที่และการจัดวาง
    • การประกอบชิ้นส่วน (Assembly): สามารถประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันในโมเดล 3 มิติ เพื่อดูภาพรวมของโดรนที่สมบูรณ์ และตรวจสอบความเข้ากันได้ของชิ้นส่วน
    • การออกแบบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB Design): เนื่องจากโดรนมีส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก Fusion 360 มีเครื่องมือสำหรับการออกแบบ PCB โดยตรง ทำให้สามารถทำงานร่วมกันระหว่างการออกแบบโครงสร้างเชิงกลและการออกแบบวงจรไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น
  2. การวิเคราะห์และจำลอง (Analysis and Simulation – CAE):
    • การวิเคราะห์ความแข็งแรง (Static Stress Analysis): สามารถจำลองและทดสอบว่าโครงสร้างโดรนจะรับแรงกระทำต่างๆ ได้ดีเพียงใด เช่น แรงที่เกิดจากการลงจอด หรือแรงสั่นสะเทือนจากมอเตอร์ เพื่อให้มั่นใจในความทนทานและความปลอดภัย
    • การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน (Modal Frequency Analysis): ช่วยในการระบุความถี่ธรรมชาติของโครงสร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการสั่นพ้องที่อาจทำให้โดรนทำงานผิดปกติ หรือเกิดความเสียหาย
    • Generative Design: เป็นบทบาทที่สำคัญมากในอุตสาหกรรมโดรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดน้ำหนักของชิ้นส่วน ซอฟต์แวร์สามารถสร้างรูปทรงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชิ้นส่วนโดรน (เช่น แขนโดรน, ตัวยึดต่างๆ) โดยมีน้ำหนักเบาที่สุด แต่ยังคงความแข็งแรงตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสิทธิภาพการบินและระยะเวลาการบินของโดรน
  3. การเตรียมการผลิต (Manufacturing – CAM):
    • การสร้าง G-code สำหรับ CNC Machining: สำหรับชิ้นส่วนโดรนที่ผลิตด้วยการกัด CNC (เช่น เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์) Fusion 360 สามารถสร้าง G-code เพื่อควบคุมเครื่องจักรได้อย่างแม่นยำ
    • การเตรียมไฟล์สำหรับการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing): ชิ้นส่วนโดรนหลายอย่าง เช่น ตัวยึดกล้อง, กล่องใส่แบตเตอรี่, หรือแม้แต่เฟรมบางส่วน มักจะถูกพิมพ์ด้วย 3D Printer Fusion 360 สามารถส่งออกไฟล์ในรูปแบบ STL ที่พร้อมสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ และยังสามารถตรวจสอบกระบวนการพิมพ์ได้ใน Workspace การผลิต
    • การตรวจสอบการผลิต (Part Inspection): ช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของชิ้นงานที่ผลิตออกมาได้
  4. การทำงานร่วมกันและการจัดการข้อมูล (Collaboration and Data Management):
    • การทำงานบนคลาวด์: ทีมงานที่พัฒนาโดรนสามารถทำงานร่วมกันบนแพลตฟอร์มคลาวด์ของ Fusion 360 ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ทำให้การแชร์ไฟล์, การแก้ไข, และการให้ข้อเสนอแนะเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียลไทม์
    • การควบคุมเวอร์ชัน: ช่วยให้สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของงานออกแบบ และกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าได้หากจำเป็น ลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

หากสนใจศึกษาเพิ่มเติมยังมีบทความละเอียดๆจาก Autodesk ให้ศึกษาอีก 65 หน้า !! > Racing-Drone Design Fundamentals with Fusion 360 | Autodesk University

0EMKf000007vQzy

AutoCAD Plot Error “Error(S) Did not Plot” :The destination directory for the output file does not exist.

เมื่อคุณพยายาม Publish ไฟล์ด้วยการตั้งค่า Overrides ใน Sheet Set Manager ของ AutoCAD แล้วพบข้อผิดพลาด “ERROR: The destination directory for the output file does not exist.” (โฟลเดอร์ปลายทางสำหรับไฟล์เอาท์พุตไม่มีอยู่จริง) และไฟล์งานไม่ถูก Plot นี่คือสาเหตุและวิธีแก้ไข:

สาเหตุ

  • โฟลเดอร์เทมเพลตสำหรับสร้างชีทไม่ถูกต้อง: โฟลเดอร์ที่คุณกำหนดไว้สำหรับ Sheet creation template (เทมเพลตการสร้างชีท) ไม่มีอยู่จริง หรือไม่มีไฟล์เทมเพลต (DWT) อยู่ในโฟลเดอร์นั้น
  • ตำแหน่ง Publish ไม่ถูกต้อง: โฟลเดอร์ที่ระบุภายใต้ “Location” ในส่วน “Publish Option Information” ไม่ถูกต้อง

1. ตรวจสอบและแก้ไขโฟลเดอร์เทมเพลตสำหรับการสร้างชีท

  1. คลิกขวาที่ชื่อ Sheet Set ของคุณใน Sheet Set Manager
  2. เลือก Sheet Set Properties
  1. คลิกที่ช่องไดเรกทอรีที่กำหนดไว้สำหรับ Sheet creation template
  2. เรียกดู (Browse) ไปยังโฟลเดอร์ที่คุณต้องการ และดำเนินการดังนี้:
    • ตรวจสอบว่าโฟลเดอร์นั้นมีอยู่จริง: ถ้าไม่มี ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ถูกต้อง
    • ตรวจสอบว่ามีไฟล์ Creation template (DWT) อยู่ในโฟลเดอร์นั้น: ถ้าไม่มี ให้เพิ่มไฟล์ DWT เข้าไปในโฟลเดอร์นั้น

2. ตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งภายใต้ Publish Option Information

  1. เปิดหน้าต่าง Publish (โดยปกติคือการคลิกปุ่ม Publish หลังจากเลือกชีทที่ต้องการ)
  2. ในส่วน “Publish Option Information” ให้ตรวจสอบว่าไดเรกทอรีที่แสดงภายใต้ “Location” นั้นถูกต้องและมีอยู่จริง
Autodesk-Tandem-Hand-Guide (คู่มือสำหรับการใช้ Tandem)

Autodesk Tandem Hand-Guide สำหรับผู้ใช้งานใหม่

Autodesk Tandem คืออะไร?

Autodesk Tandem คือแพลตฟอร์ม Digital Twin ที่ช่วยบริหารจัดการข้อมูลอาคาร ที่รวบรวมข้อมูลตั้งแต่ดีไซน์ ก่อสร้าง ไปจนถึงงการดูแลอาคาร ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นภาพรวม และจัดการง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล BIM การบำรุงรักษา หรือการใช้พลังงาน

MTECH ได้จัดทำคู่มือการใช้งาน Autodesk Tandem คู่มือนี้อธิบายคุณสมบัติหลักต่างๆ เช่น

  • การสร้างและจัดการ Facility Templates
  • Classes
  • Parameters
  • การจัดการทีมผู้ใช้งานและสิทธิ์
  • การติดตามการใช้งานและประวัติการเปลี่ยนแปลง
  • การนำเข้าและจัดการโมเดล (เช่น Revit, IFC) จากแหล่งต่างๆ เช่น Autodesk Docs

นอกจากนี้ยังครอบคลุมการใช้ฟังก์ชันต่างๆ ใน Viewer เช่น Navigation Controls, Analytics Tools, Saved Views และ Dashboards เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสำรวจและวิเคราะห์ Digital Twin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถดาวน์โหลดฉบับเต็มได้ที่ link ด้านล่างได้เลย รับรองว่าจะได้วิธีการใช้งาน Tandem แบบจัดเต็ม

Link PDF:

Adobe delete drump

📢 ลูกค้า Adobe ลองเช็คสิ่งนี้! อาจได้พื้นที่ Drive C: คืนเป็น ร้อยๆ GB 😱


ลูกค้า Adobe ลองเช็คสิ่งนี้! อาจได้พื้นที่ Drive C: คืนเป็น ร้อยๆ GB 😱

ถ้าคุณใช้โปรแกรมจาก Adobe อยู่เป็นประจำ เช่น Photoshop, Illustrator หรือ Premiere Pro… มีโอกาสสูงที่โปรแกรมเหล่านี้อาจทิ้ง “ขยะดิจิทัล” ไว้ในเครื่องคุณโดยไม่รู้ตัว!

📁 CRLogs > dumps
เส้นทาง:
C:\Users\<ชื่อผู้ใช้>\AppData\LocalLow\Adobe\CRLogs\dumps


❗โฟลเดอร์นี้คืออะไร?

Adobe จะสร้างไฟล์ที่เรียกว่า Crash Dump Logs ขึ้นมาเมื่อโปรแกรมเกิดข้อผิดพลาดหรือล่ม เพื่อส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Adobe ช่วยในการปรับปรุงโปรแกรม

แต่ปัญหาคือ…
🔸 บางเวอร์ชันเก่า มีบั๊กที่ทำให้ลบไฟล์เหล่านี้ไม่สำเร็จ
🔸 ทำให้ไฟล์เหล่านี้สะสมจนกินพื้นที่ไปมหาศาล!

“CR Logs ควรถูกลบโดยอัตโนมัติหลังจากส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Adobe แต่ในเวอร์ชันเก่า มีบางกรณีที่ไฟล์ไม่ถูกลบหากส่งไม่สำเร็จ ซึ่งได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่” — Kanika • Adobe Employee, Feb 02, 2018


🧯 ลบได้มั้ย? ปลอดภัย 100%

คุณสามารถลบไฟล์ในโฟลเดอร์ dumps ได้ทันที โดยไม่มีผลกระทบต่อการใช้งาน Adobe ใดๆ
หลายคนค้นพบว่าโฟลเดอร์นี้กินพื้นที่ไปถึง
150 – 350 GB 😱

screenshot-1740645659847

สรุปฟีเจอร์ใหม่ใน SketchUp Desktop 2025

SketchUp for Desktop

Environments (สภาพแวดล้อม) – เพิ่มพาเนลใหม่ที่ช่วยให้สามารถเพิ่มไฟล์ภาพ 360° (HDRI/EXR) เพื่อสร้างบรรยากาศและแสงสะท้อนแบบไดนามิก


Photoreal Materials (วัสดุสมจริง) – รองรับวัสดุแบบ PBR ที่ตอบสนองต่อแสงและสภาพแวดล้อม


Generate Textures (สร้างพื้นผิวด้วย AI) – ใช้ AI สร้างเท็กซ์เจอร์ PBR สำหรับวัสดุที่ไม่มีพื้นผิวสมจริง


Trimble Connect: Import, Reload, Save Out – เพิ่มฟีเจอร์การนำเข้า, โหลดใหม่, และบันทึกไฟล์โดยตรงจาก Trimble Connect


Apply Tags to Scenes – สามารถกำหนดการมองเห็นของแท็กไปยังฉากที่เลือกได้


Extension Migrator – เครื่องมือช่วยย้ายปลั๊กอินเมื่อต้องการอัปเกรด SketchUp เวอร์ชันใหม่


Purge Unused Reminder – แจ้งเตือนให้ลบข้อมูลที่ไม่ได้ใช้เมื่อต้องการบันทึกไฟล์ เพื่อลดขนาดโมเดล


ปรับปรุงเครื่องมือโมเดลลิ่ง – พัฒนาเครื่องมือ Rotate, Arc, Snaps, และ Text


ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ IFC และ Revit – รองรับการทำงานกับไฟล์ BIM ได้ดียิ่งขึ้น

ยกเลิก Style Builder – ไม่รองรับการใช้งาน Style Builder อีกต่อไป


ติดตั้ง V-Ray ได้จากตัวติดตั้ง Windows – ผู้ใช้ SketchUp Studio สามารถติดตั้ง V-Ray ได้โดยตรง


LayOut

Move, Rotate, Scale – ปรับปรุงให้ใช้งานเหมือนกับใน SketchUp
Join & Split Tools – รวมและแยกเส้นเป็นองค์ประกอบเดียวหรือแยกออกจากกันได้
Zoom Window Tool (Z) – เครื่องมือซูมเฉพาะจุดในเอกสาร
รองรับ Photoreal Materials & Environments – แสดงผลวัสดุ PBR และสภาพแวดล้อมจาก SketchUp ใน LayOut
ปรับปรุงการพิมพ์และส่งออกจาก Pages Panel – สามารถเลือกพิมพ์หรือส่งออกบางหน้าในเอกสารได้

สรุป

SketchUp 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นการสร้างภาพสมจริง (PBR Materials, AI Generate Textures, Environments) และปรับปรุงการทำงานร่วมกับ Trimble Connect และไฟล์ BIM นอกจากนี้ยังเพิ่มเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานใน LayOut มีประสิทธิภาพมากขึ้น

S__26984463

End of Support Policy : ลูกค้าเจอปัญหา SketchUp 2022 ใช้งาน 3D Warehouse ไม่ได้

ปัญหาเกิดจากนโยบาย End of Support Policy ที่กำหนดให้เวอร์ชันเก่าหยุดการ Support หลังจาก 3 ปีของปีที่ Release และปีนี้ก็ถึงเวลาของ SketchUp 2022

End of Support Policy

ในโลกของซอฟต์แวร์ ทุก ๆ โปรแกรมมี Lifecycle ของตัวเอง และเมื่อถึงเวลา End of Support ก็หมายความว่าการ Maintenance และ Security Updates จะไม่ถูกส่งมาให้อีกต่อไป ทาง SketchUp จึงมี Policy ที่กำหนดให้เวอร์ชันเก่าหยุดการ Support หลังจาก 3 ปีของปีที่ Release

End of Support คืออะไร?

เมื่อเวอร์ชันของ SketchUp เข้าสู่สถานะ End of Support หมายความว่าซอฟต์แวร์ของคุณเปลี่ยนจากสถานะ Supported ไปเป็น Unsupported ส่งผลให้ฟีเจอร์ต่าง ๆ อาจทำงานได้ไม่สมบูรณ์ รวมถึงการขาด Security Updates ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการใช้งาน

ตัวอย่างเช่น SketchUp 2022 จะมี End of Support ในวันที่ 31 มกราคม 2025

ทำไมต้องมี End of Support Policy?

SketchUp มุ่งมั่นที่จะให้ User Experience ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ โดยการ:

  • ให้บริการซอฟต์แวร์ที่เสถียรและปลอดภัย
  • ให้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
  • ลดภาระในการ Support เวอร์ชันเก่า เพื่อโฟกัสที่เวอร์ชันใหม่

ฉันยังได้รับการ Support หรือไม่?

คุณสามารถตรวจสอบเวอร์ชันของ SketchUp ได้ที่ About SketchUp สำหรับ Windows จะอยู่ใน Help Menu และสำหรับ Mac จะอยู่ใน SketchUp Menu

VersionEnd of Support Date
2020 และก่อนหน้าUnsupported
202131 ม.ค. 2024
202231 ม.ค. 2025
202331 ม.ค. 2026

หมายเหตุ: วัน End of Support อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามการ Release ของเวอร์ชันใหม่

ถ้าเวอร์ชันของฉันเป็น Unsupported จะเกิดอะไรขึ้น?

  • ฟีเจอร์พื้นฐานบางอย่างอาจใช้งานไม่ได้
  • Extensions บางตัวอาจไม่ทำงาน
  • ไม่สามารถติดต่อ SketchUp Support เพื่อรับความช่วยเหลือได้
  • ไม่มี Download Links สำหรับเวอร์ชันที่ไม่รองรับ

Web Services และ Unsupported Versions

SketchUp มีหลายฟีเจอร์ที่ต้องใช้ Internet Connection เช่น:

  • 3D Warehouse
  • Extension Warehouse
  • Add Location
  • Generate Report
  • Sefaira
  • Live Components
  • Trimble Connect

ในเวอร์ชันเก่า Embedded Web Browser ไม่สามารถ Update ได้ ทำให้ Web Services อาจทำงานไม่สมบูรณ์หรือใช้งานไม่ได้เลย

การอัปเกรดเป็นเวอร์ชันที่รองรับ

SketchUp Pro และ SketchUp Studio มาพร้อมกับการเข้าถึงเวอร์ชันล่าสุดของ SketchUp โดยสามารถ Download และ Install ได้ทันที

ฉันมี Subscription หรือไม่?

ตรวจสอบสถานะ Subscription ของคุณได้ที่ Trimble Account Management Portal

หากคุณยังไม่ได้เป็น Subscriber คุณสามารถเลือกแผนที่เหมาะสมได้จาก:

  • SketchUp Pro
  • SketchUp Studio
  • SketchUp for Higher Education

ฉันใช้ License Key จะอัปเกรดได้อย่างไร?

Classic License ใช้ได้กับเวอร์ชันที่ซื้อเท่านั้น หากต้องการอัปเกรดต้องซื้อ SketchUp Pro หรือ SketchUp Studio Subscription

หมายเหตุ: SketchUp Go และ SketchUp Free ไม่รวมถึงเวอร์ชันสำหรับ Desktop

reacap revit c

Recap แก้เคส Revit เปิดไฟล์งานจากบน Docs แล้วเด้งหลุด

Recap: วิธีแก้ไขปัญหา Revit เปิดไฟล์งานจาก Autodesk Docs แล้วเด้งหลุด ลบลงใหม่ก็ไม่หาย

กรณีลูกค้าประสบปัญหาใช้งาน Revit แล้วเกิดไฟตก ส่งผลให้โปรแกรมเด้งหลุดเมื่อเปิดไฟล์งานจาก cloud (Autodesk Docs) แต่ไฟล์ที่อยู่ในเครื่องสามารถเปิดได้ปกติ อาการนี้อาจเกิดจาก bad data ในไฟล์ user.config

วิธีแก้ไขปัญหา

1. Recreate user.config

  1. ไปที่ path:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local  
  1. เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ “Autodesk,_Inc” เป็น “Autodesk,_Inc_OLD”

หมายเหตุ: การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับทุกเวอร์ชันของ Revit ที่ติดตั้งไว้ หากเวอร์ชันอื่นมีปัญหาหลังจากนี้ ให้คัดลอกเนื้อหาในโฟลเดอร์เก่า (OLD) ไปใส่ในโฟลเดอร์ใหม่ โดยไม่ต้องทับไฟล์ที่มีอยู่

  1. เปิดโปรแกรม Revit
  2. ลองเปิดไฟล์ Cloud model

2. Clear CollaborationCache

สำหรับ Revit 2024 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า

  1. เปิด Revit และไปที่ Options
  2. เปลี่ยนตำแหน่ง Cloud model cache (ตัวอย่าง:
   C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit_New  
  1. ปิดและเปิด Revit ใหม่อีกครั้งเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ทำการ Clear PacCache ตามขั้นตอนด้านล่าง:

Clear PacCache (Personal Accelerator Cache):

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Pac
  3. ย้ายทุกอย่างใน path ด้านล่าง (ยกเว้นโฟลเดอร์ Logs และไฟล์ JSON) ไปที่ subfolder ที่สร้างไว้:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit\PacCache  

สำหรับ Revit 2023 และเวอร์ชันก่อนหน้า

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Collab
  3. ย้ายเนื้อหาทั้งหมดใน path ด้านล่างไปที่ subfolder:
  %localappdata%\Autodesk\Revit\Autodesk Revit ####\CollaborationCache

หลังจากทำตามขั้นตอนดังกล่าว หากปัญหายังไม่หาย อาจต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ network configuration หรือ permissions ในระบบ.

AutoCAD

ปัญหาในการใช้งาน AutoCAD 2019

สำหรับท่านใดที่ยังใช้ AutoCAD 2019 อยู่ แล้วพบปัญหา “All of the possible directories for storing temporary files either do not exist or are readonly. Please correct this situation before running AutoCAD again.” ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากข้อผิดพลาดบางอย่างหลังจากกำหนดค่า Windows AD เนื่องจากโฟลเดอร์ผู้ใช้ผิดพลาด

วิธีการแก้ไขสามารถลองจากวิธีดังต่อไปนี้
1. Clean uninstall
2. Update windows
3. Reinstall
4. Try to fix profile and path error

หรือเข้าไปอ่านวิธีแก้ไขเพิ่มเติมได้ตามลิงก์นี้: https://www.autodesk.com/support/technical/article/caas/sfdcarticles/sfdcarticles/When-you-launch-the-application-a-temporary-files-error-displays.html?fbclid=IwY2xjawHMiUpleHRuA2FlbQIxMAABHUNw52o2hUUzqCwZsJDKNCUdQOB4upKewe-jVn9PJlzLBFu1sUNqFWCaoQ_aem_CcQWbfvPVn58CjaLnUpeZQ

วิธีดาวน์ซอฟต์แวร์ Autodesk version เก่าๆ

วิธีดาวน์ซอฟต์แวร์ Autodesk version เก่าๆ

Autodesk นั้นจะสามารถดาวน์โหลดซอฟแวร์เวอร์ชั้นย้อนหลังได้ 4 version เช่น ปัจจุบัน 2025 เก่าสุดที่ดาวน์โหลดได้คือ 2022 นั่นเอง แต่ถ้าหากต้องการต่ำกว่านั้นซึ่งอยู่นอกเหนือการซัพพอร์ตจาก Autodesk แล้วก็สามารถดาวน์โหลด ( Out of support versions ) ดังนี้

1.เข้าสู่ระบบ

  • ไปที่ Autodesk Account
  • ทำการล็อกอินด้วยบัญชีผู้ใช้ Autodesk ของคุณ

2.เปิดใช้งานแชทช่วยเหลือ

  • เลื่อนไปที่มุมขวาล่างของหน้าจอ
  • คลิกที่กล่องข้อความ [Autodesk Assistance]

3.เลือกประเภทความช่วยเหลือ

  • ในหน้าต่างแชท เลือกขั้นตอนดังนี้:
    • [Post-purchase support]
    • [Download]
    • [Download software]
    • [Find a product download]

4.ค้นหาซอฟต์แวร์ที่ต้องการ

  • พิมพ์ชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องการดาวน์โหลด
  • เลือก เวอร์ชัน ที่ต้องการ (เช่น เวอร์ชันเก่าที่อยู่นอกขอบเขตการสนับสนุน)

5.เลือกรูปแบบการติดตั้ง

  • เลือก This computer หากต้องการติดตั้งในเครื่องปัจจุบัน
  • หรือเลือก Multiple computers หากต้องการดาวน์โหลดไฟล์สำหรับติดตั้งในเครื่องอื่น

กำหนดภาษาและระบบปฏิบัติการ (OS)

  • เลือกภาษาที่ต้องการ
  • ระบุระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่

เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Autodesk เวอร์ชันเก่าได้ตามต้องการ!