reacap revit c

Recap แก้เคส Revit เปิดไฟล์งานจากบน Docs แล้วเด้งหลุด

Recap: วิธีแก้ไขปัญหา Revit เปิดไฟล์งานจาก Autodesk Docs แล้วเด้งหลุด ลบลงใหม่ก็ไม่หาย

กรณีลูกค้าประสบปัญหาใช้งาน Revit แล้วเกิดไฟตก ส่งผลให้โปรแกรมเด้งหลุดเมื่อเปิดไฟล์งานจาก cloud (Autodesk Docs) แต่ไฟล์ที่อยู่ในเครื่องสามารถเปิดได้ปกติ อาการนี้อาจเกิดจาก bad data ในไฟล์ user.config

วิธีแก้ไขปัญหา

1. Recreate user.config

  1. ไปที่ path:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local  
  1. เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ “Autodesk,_Inc” เป็น “Autodesk,_Inc_OLD”

หมายเหตุ: การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับทุกเวอร์ชันของ Revit ที่ติดตั้งไว้ หากเวอร์ชันอื่นมีปัญหาหลังจากนี้ ให้คัดลอกเนื้อหาในโฟลเดอร์เก่า (OLD) ไปใส่ในโฟลเดอร์ใหม่ โดยไม่ต้องทับไฟล์ที่มีอยู่

  1. เปิดโปรแกรม Revit
  2. ลองเปิดไฟล์ Cloud model

2. Clear CollaborationCache

สำหรับ Revit 2024 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า

  1. เปิด Revit และไปที่ Options
  2. เปลี่ยนตำแหน่ง Cloud model cache (ตัวอย่าง:
   C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit_New  
  1. ปิดและเปิด Revit ใหม่อีกครั้งเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ทำการ Clear PacCache ตามขั้นตอนด้านล่าง:

Clear PacCache (Personal Accelerator Cache):

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Pac
  3. ย้ายทุกอย่างใน path ด้านล่าง (ยกเว้นโฟลเดอร์ Logs และไฟล์ JSON) ไปที่ subfolder ที่สร้างไว้:
  C:\Users\%USERNAME%\AppData\Local\Autodesk\Revit\PacCache  

สำหรับ Revit 2023 และเวอร์ชันก่อนหน้า

  1. สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Cache ไว้ที่ Desktop
  2. ภายในโฟลเดอร์ Cache ให้สร้าง subfolder ชื่อ Collab
  3. ย้ายเนื้อหาทั้งหมดใน path ด้านล่างไปที่ subfolder:
  %localappdata%\Autodesk\Revit\Autodesk Revit ####\CollaborationCache

หลังจากทำตามขั้นตอนดังกล่าว หากปัญหายังไม่หาย อาจต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ network configuration หรือ permissions ในระบบ.

วิธีดาวน์ซอฟต์แวร์ Autodesk version เก่าๆ

วิธีดาวน์ซอฟต์แวร์ Autodesk version เก่าๆ

Autodesk นั้นจะสามารถดาวน์โหลดซอฟแวร์เวอร์ชั้นย้อนหลังได้ 4 version เช่น ปัจจุบัน 2025 เก่าสุดที่ดาวน์โหลดได้คือ 2022 นั่นเอง แต่ถ้าหากต้องการต่ำกว่านั้นซึ่งอยู่นอกเหนือการซัพพอร์ตจาก Autodesk แล้วก็สามารถดาวน์โหลด ( Out of support versions ) ดังนี้

1.เข้าสู่ระบบ

  • ไปที่ Autodesk Account
  • ทำการล็อกอินด้วยบัญชีผู้ใช้ Autodesk ของคุณ

2.เปิดใช้งานแชทช่วยเหลือ

  • เลื่อนไปที่มุมขวาล่างของหน้าจอ
  • คลิกที่กล่องข้อความ [Autodesk Assistance]

3.เลือกประเภทความช่วยเหลือ

  • ในหน้าต่างแชท เลือกขั้นตอนดังนี้:
    • [Post-purchase support]
    • [Download]
    • [Download software]
    • [Find a product download]

4.ค้นหาซอฟต์แวร์ที่ต้องการ

  • พิมพ์ชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องการดาวน์โหลด
  • เลือก เวอร์ชัน ที่ต้องการ (เช่น เวอร์ชันเก่าที่อยู่นอกขอบเขตการสนับสนุน)

5.เลือกรูปแบบการติดตั้ง

  • เลือก This computer หากต้องการติดตั้งในเครื่องปัจจุบัน
  • หรือเลือก Multiple computers หากต้องการดาวน์โหลดไฟล์สำหรับติดตั้งในเครื่องอื่น

กำหนดภาษาและระบบปฏิบัติการ (OS)

  • เลือกภาษาที่ต้องการ
  • ระบุระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่

เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Autodesk เวอร์ชันเก่าได้ตามต้องการ!

เช็ควันหมดอายุสำหรับซอฟแวร์ Autodesk แบบรายปี

เพื่อให้ Primary Admin, Secondary Admin หรือ Users ตรวจสอบวันหมดอายุของสัญญาใช้งานซอฟต์แวร์ Autodesk แบบรายปีได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

สำหรับ Primary Admin และ Secondary Admin

1.ไปที่เว็บไซต์ Autodesk Account และเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ดูแลระบบ (Admin) ของคุณ


 

2. เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้ไปที่ “Subscriptions and Contracts” ในเมนู Billing and Orders ด้านซ้าย


 

3.ภายใต้ข้อมูลของซอฟต์แวร์ จะแสดงรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ เลขสัญญา (Contract #), วันหมดอายุสัญญา, จำนวนที่นั่ง (Seats), ระยะเวลาสัญญา (Terms: 1 ปี / 3 ปี) และ ทีม (Teams) ที่สัญญานั้นบรรจุอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณทราบวันที่ต้องต่ออายุล่วงหน้าและจัดการการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ




สำหรับ Users (ผู้ใช้งานทั่วไป)

1.เปิดโปรแกรม Autodesk ของคุณ


 

2.คลิกที่ชื่อโปรไฟล์ ของคุณ มุมขวาบนของหน้าต่างโปรแกรม


 

3.เลือก Manage License (จัดการใบอนุญาต)


 

4.คลิกที่เครื่องหมาย > เพื่อดูรายละเอียดทั้งหมด เช่น วันหมดอายุ, Autodesk ID, และ License Behavior



 

สเปคคอมสำหรับ Autodesk CFD

แนะนำฮาร์ดแวร์สำหรับ Simulations ใน Autodesk CFD

CPU:

  • ควรเน้นไปที่ CPU ที่มีการทำงานแบบ Multi-threading  และมี L3 Cache ที่สูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลของซอฟต์แวร์สามารถดูคะแนน CPU ได้ตามลิงค์( ยิ่งสูงยิ่งดู ) >> Cinebench R23 (Multi-Core) CPU benchmark list (cpu-monkey.com)

GPU:

  • GPU สามารถช่วยเร่งความเร็วในการจำลองและการเรนเดอร์ (Rendering) ของกราฟิก ดังนั้นควรเลือกใช้ GPU ที่มีคะแนนในส่วนของ OpenGL สูง สามารถดูคะแนน OpenGL จากลิงค์นี้ >> https://gfxbench.com/result.jsp

    และ Setting ตามรูปด้านล่าง

RAM:

  • เราแนะนำให้เริ่มต้นที่ 32 GB สำหรับ RAM และหากโมเดลที่ใช้ในการจำลองมีขนาดใหญ่ขึ้น ควรเพิ่มขนาดของ RAM ตามขนาดของโมเดล
  • ความเร็วของ Bus Speed ใน RAM จะช่วยเพิ่มความราบรื่นในการเขียนและสร้างโมเดล

Hard Disk:

  • ความเร็วในการเขียน/อ่าน (Write/Read) ของ Hard Disk มีผลต่อการเปิดและบันทึกไฟล์งาน ดังนั้นควรเลือกใช้ SSD ที่มีความเร็วสูงเพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

ระบบระบายความร้อน:

  • ระบบระบายความร้อนของคอมพิวเตอร์ควรมีความเหมาะสมกับ CPU และ GPU เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องเป็นไปได้โดยไม่เกิดความร้อนเกิน


#SOURCE : Hardware Recommendation for Autodesk CFD

ซื้อ Autodesk Product เพิ่ม แต่ใน User Management ไม่เพิ่ม? แก้ไขได้ง่ายๆ ดังนี้

1. ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Contact Email เท่านั้น:

  • ไปที่ https://manage.autodesk.com/
  • ใส่ Contact Email ที่ใช้ซื้อ Autodesk Product
  • คลิก “ลงชื่อเข้าใช้”

2. ไปที่ User Management > By Product:

  • คลิกเมนู “User Management”
  • เลือก “By Product”

3. ค้นหาแท็บสีเหลืองแจ้งเตือนดัง

  • แท็บสีเหลืองจะแสดงจำนวน Product ที่ซื้อเพิ่ม แต่ยังไม่ได้ Assign ทีม
  • คลิกแท็บสีเหลือง

4. คลิก “Assign” เพื่อ Assign Product ให้ “Team”

  • เลือก Product ที่ต้องการ Assign
  • เลือก “Team” ที่ต้องการ Assign Product

4.1 กรณีเลือก Assign Product ให้ Team เดิมที่มีอยู่:

  • เลือก “Team” จากรายการ Dropdown
  • คลิก “Assign”

4.2 กรณีเลือก Assign Product ให้ Team ใหม่:

  • เลือก “Create team”
  • ใส่ชื่อ “Team” ใหม่
  • เลือก “Assign”

5. ตรวจสอบการ Assign Product:

  • ตรวจสอบว่า Product ได้ถูก Assign ให้กับ “Team” ที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว

หมายเหตุ:

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ใช้ที่ต้องการใช้ Product ได้อยู่ใน “Team” ที่ Assign Product
  • ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Product ได้หลังจาก Assign Product เรียบร้อยแล้ว

วิธีแก้ ปัญหา Autodesk 2024 กด Sign-in ใช้งาน แต่ Web browser ไม่เด้งขึ้นมา

หลังจาก Autodesk 2024 เปิดตัวออกมาได้เปลี่ยนวิธีการ Sign-in เข้าใช้งานโดยผ่าน Web browser ทำให้ลูกค้าหลายคนเริ่มพบปัญหาที่ไม่สามารถ Sign-in ใช้งานได้ เนื่องจาก Web browser ไม่เด้งขึ้นมา

ปัญหานี้เกิดจากความผิดปกติของ Default web browser ที่เรียกใช้งาน Web browser ที่มีปัญหา หรือ ไม่มีการติดตั้งในเครื่อง

วิธีตรวจสอบเบื้องต้น

  1. ตรวจสอบว่า Default web browser ที่ตั้งค่าไว้นั้นใช้งานได้หรือไม่ โดยเปิด Internet Explorer หรือ Microsoft Edge แล้วลองเข้าเว็บไซต์ต่างๆ หากเข้าใช้งานได้แสดงว่า Default web browser ใช้งานได้ปกติ
  2. หาก Default web browser ไม่สามารถใช้งานได้ ให้เปลี่ยนเป็น Web browser อื่น เช่น Google Chrome หรือ Mozilla Firefox
  3. หากเปลี่ยน Default web browser แล้วปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ให้ติดตั้ง Web browser ที่ Autodesk รองรับ เช่น Internet Explorer หรือ Microsoft Edge

วิธีเปลี่ยน Default web browser ใน Windows 10

1. กดปุ่ม Windows + S จากนั้นพิม Default apps

2. ในหน้า Default apps ให้เลื่อนหา Web browser อันใดก็ได้ ดังรูป แล้วคลิ๊กขวา

3.เลื่อนหา HTTPS จากนั้นคลิ๊กไอคอนด้านขวา ดังรูป

4.ที่หน้า Select a default app for’HTTPS’ links ให้เลื่อนเปลี่ยน Web browser

5.กลับมาที่โปรแกรมให้กดปุ่ม Restart sign in อีกครั้ง

ปัญหาที่ยากที่สุด “ปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์” ในซอฟต์แวร์ Autodesk



ซอฟต์แวร์ Autodesk เป็นซอฟต์แวร์การออกแบบและสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การใช้งานซอฟต์แวร์ Autodesk อาจเกิดปัญหาได้ ซึ่งปัญหาที่ยากที่สุดประการหนึ่งคือปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์

ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้องหรือมีข้อขัดแย้งกัน ทำให้ยากต่อการวินิจฉัยและแก้ไข

สาเหตุของปัญหา

ปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ในซอฟต์แวร์ Autodesk อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น

  • การตั้งค่า Antivirus ที่ปิดกั้นการเข้าถึงไฟล์ของซอฟต์แวร์ Autodesk
  • ระบบคัดกรองอินเทอร์เน็ตของบริษัทที่ปิดกั้นการเข้าถึงไฟล์ของซอฟต์แวร์ Autodesk
  • ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์ของซอฟต์แวร์ Autodesk

วิธีแก้ไข

หากพบปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ในซอฟต์แวร์ Autodesk ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. ตรวจสอบการตั้งค่า Antivirus ว่าอนุญาตให้ซอฟต์แวร์ Autodesk สามารถเข้าถึงไฟล์ได้หรือไม่
  2. ตรวจสอบการตั้งค่าระบบคัดกรองอินเทอร์เน็ตของบริษัทว่าอนุญาตให้ซอฟต์แวร์ Autodesk สามารถเข้าถึงไฟล์ได้หรือไม่
  3. ตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์ของซอฟต์แวร์ Autodesk ว่าถูกต้องหรือไม่

วิธีแก้ไขเฉพาะสำหรับปัญหา “ปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์” เกิดจาก Antivirus

หากปัญหาเกิดจาก Antivirus ให้ลองทำดังนี้

  • เพิ่มซอฟต์แวร์ Autodesk ลงในรายการข้อยกเว้นของ Antivirus
  • ปิดใช้งาน Antivirus ชั่วคราวเพื่อทดสอบว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

วิธีแก้ไขเฉพาะสำหรับปัญหา “ปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์” เกิดจากระบบคัดกรองอินเทอร์เน็ตของบริษัท

หากปัญหาเกิดจากระบบคัดกรองอินเทอร์เน็ตของบริษัท ให้ลองทำดังนี้

  • ติดต่อฝ่ายไอทีของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือในการแก้ไขการตั้งค่าระบบคัดกรองอินเทอร์เน็ต

วิธีแก้ไขเฉพาะสำหรับปัญหา “ปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์” เกิดจาก Permission

หากปัญหาเกิดจาก Permission ให้ลองทำดังนี้

  • ตรวจสอบว่าผู้ใช้มีสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์ของซอฟต์แวร์ Autodesk หรือไม่
  • หากไม่มีสิทธิ์ ให้ทำการเพิ่มสิทธิ์ให้กับผู้ใช้

คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk

ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่า Antivirus และระบบคัดกรองอินเทอร์เน็ตของบริษัทไม่ขัดแย้งกับการใช้งานซอฟต์แวร์ Autodesk หากพบปัญหาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ ควรทำการแก้ไขหรือปิดใช้งานการตั้งค่าเหล่านั้น

Autodesk Revit

ปัญหา “Failed to open document” ในซอฟต์แวร์ Autodesk Revit

Autodesk Revit

ซอฟต์แวร์ Autodesk เป็นซอฟต์แวร์การออกแบบและสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การใช้งานซอฟต์แวร์ Autodesk อาจเกิดปัญหาได้ ซึ่งปัญหาที่ใช้เวลาแก้ไขนานที่สุดประการหนึ่งคือ “Failed to open document”

ปัญหา “Failed to open document” เกิดขึ้นเมื่อซอฟต์แวร์ Autodesk ไม่สามารถเปิดไฟล์เอกสารได้ ปัญหานี้อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น

  • ไฟล์เอกสารเสียหาย
  • เวอร์ชันของซอฟต์แวร์ไม่ตรงกัน
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์

วิธีแก้ไข

หากพบปัญหา “Failed to open document” ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. ตรวจสอบไฟล์เอกสารว่าเสียหายหรือไม่ หากเสียหายให้ทำการกู้คืนไฟล์
  2. ตรวจสอบเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ว่าตรงกันหรือไม่ หากไม่ตรงกันให้ทำการอัปเดตซอฟต์แวร์
  3. ตรวจสอบการตั้งค่าระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องให้ทำการแก้ไข

วิธีแก้ไขเฉพาะสำหรับปัญหา “Failed to open document” เกิดจากไฟล์เอกสารเสียหาย

หากปัญหา “Failed to open document” เกิดจากไฟล์เอกสารเสียหาย ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. พยายามเปิดไฟล์เอกสารด้วยโปรแกรมอื่น เช่น Autodesk Viewer หรือ Autodesk Viewer Plus
  2. หากไม่สามารถเปิดไฟล์เอกสารด้วยโปรแกรมอื่นได้ ให้ทำการกู้คืนไฟล์จากสำเนาสำรอง

วิธีแก้ไขเฉพาะสำหรับปัญหา “Failed to open document” เกิดจากเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ไม่ตรงกัน

หากปัญหา “Failed to open document” เกิดจากเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ไม่ตรงกัน ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์ Autodesk เป็นเวอร์ชันล่าสุด
  2. หากไม่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้ ให้ลองเปิดไฟล์เอกสารด้วยเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ที่เก่ากว่า

วิธีแก้ไขเฉพาะสำหรับปัญหา “Failed to open document” เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์

หากปัญหา “Failed to open document” เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. ตรวจสอบการตั้งค่า Antivirus ว่าอนุญาตให้ซอฟต์แวร์ Autodesk สามารถเข้าถึงไฟล์ได้หรือไม่
  2. ตรวจสอบการตั้งค่าระบบคัดกรองอินเทอร์เน็ตของบริษัทว่าอนุญาตให้ซอฟต์แวร์ Autodesk สามารถเข้าถึงไฟล์ได้หรือไม่
  3. ตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์ของซอฟต์แวร์ Autodesk ว่าถูกต้องหรือไม่

คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk

ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์เอกสารที่ใช้งานอยู่นั้นไม่มีความเสียหาย และเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ตรงกัน หากพบปัญหาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ ควรทำการแก้ไขหรือปิดใช้งานการตั้งค่าเหล่านั้น

Source : “This operation could not be completed. Please try again” when opening a cloud model in Revit (autodesk.com)

ปัญหา “License checkout timed out” ในซอฟต์แวร์ Autodesk

ซอฟต์แวร์ Autodesk เป็นซอฟต์แวร์การออกแบบและสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การใช้งานซอฟต์แวร์ Autodesk อาจเกิดปัญหาได้ ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือ “License checkout timed out”

ปัญหา “License checkout timed out” เกิดขึ้นเมื่อซอฟต์แวร์ Autodesk ไม่สามารถตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานกับ Autodesk Licensing Service ได้ทันเวลา ส่งผลให้ซอฟต์แวร์ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ปัญหานี้อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น

  • ปัญหาเกี่ยวกับ Autodesk Desktop Licensing Service
  • ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • ปัญหาเกี่ยวกับการตั้งค่าคอมพิวเตอร์

วิธีแก้ไข

หากพบปัญหา “License checkout timed out” ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. ตรวจสอบว่า Autodesk Desktop Licensing Service ทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยเปิด Task Manager และค้นหากระบวนการ Autodesk Desktop Licensing Service หากกระบวนการนี้หยุดทำงาน ให้รีสตาร์ทกระบวนการ
  2. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่เสถียร อาจทำให้ Autodesk Desktop Licensing Service ไม่สามารถตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความเร็วเพียงพอและมีความเสถียร
  3. ตรวจสอบการตั้งค่าคอมพิวเตอร์ หากมีการตั้งค่าใดๆ ที่อาจขัดแย้งกับ Autodesk Desktop Licensing Service ให้ทำการแก้ไขหรือปิดใช้งานการตั้งค่าเหล่านั้น

วิธีแก้ไขเฉพาะสำหรับปัญหา “License checkout timed out” เกิดจาก Autodesk Desktop Licensing Service

หากปัญหา “License checkout timed out” เกิดจาก Autodesk Desktop Licensing Service ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ดังนี้

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้งตัวอัปเดตของ Autodesk Desktop Licensing Service จากลิงก์นี้: https://www.autodesk.com/support/technical/article/caas/tsarticles/ts/f5IhBc15i0kOwzBb8lcEN.html
  2. หลังจากติดตั้งตัวอัปเดตแล้ว ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk

ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ Autodesk ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า Autodesk Desktop Licensing Service ทำงานอย่างถูกต้องอยู่เสมอ หากพบปัญหาเกี่ยวกับ Autodesk Desktop Licensing Service ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองตามคำแนะนำข้างต้น หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แนะนำให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Autodesk เพื่อขอความช่วยเหลือ